ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 09-07-2009, 13:45
ป้านุช's Avatar
ป้านุช ป้านุช is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
สถานที่: Bangkok Thailand
ข้อความ: 866
ได้ให้อนุโมทนา: 21,453
ได้รับอนุโมทนา 109,675 ครั้ง ใน 2,785 โพสต์
ป้านุช is on a distinguished road
Smile

การทอดกฐินในปัจจุบัน
ถือว่าเป็นทานพิเศษ กำหนดเวลาปีหนึ่งทอดถวายได้เพียงครั้งเดียว ตามอรรถกถาฎีกาต่าง ๆ พอกำหนดได้ว่าประเภทของกฐินแยกเป็นประเภทใหญ่ ได้ดังนี้

๑. กฐินหลวง
๒. กฐินราษฎร์


กฐินหลวง

มีประวัติว่าเมื่อพระพุทธศาสนาได้แพร่หลายเข้ามาในประเทศไทย และประชาชนคนไทยที่ตั้งหลักแหล่งอยู่ในผืนแผ่นดินไทย ได้ยอมรับนับถือพระพุทธศาสนาว่าเป็นศาสนาประจำชาติแล้ว การทอดกฐินก็ได้กลายเป็นประเพณีของบ้านเมืองมาโดยลำดับ

พระเจ้าแผ่นดินผู้ปกครองบ้านเมืองได้ทรงรับเรื่องกฐินนี้ ขึ้นเป็นพระราชพิธีอย่างหนึ่งซึ่งทรงบำเพ็ญเป็นการประจำ เมื่อถึงเทศกาลทอดกฐิน
การที่พระเจ้าแผ่นดินทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเกี่ยวกับกฐินเป็นพระราชพิธีดังกล่าวนี้ เป็นเหตุให้เรียกกันว่า
กฐินหลวง

วัดใดก็ตามไม่ว่าจะเป็นวัดหลวงหรือวัดราษฎร์ หากพระเจ้าแผ่นดินเสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางผ้าพระกฐินแล้ว เรียกว่ากฐินหลวงทั้งสิ้นมิใช่กำหนดว่าทอดที่วัดหลวงเท่านั้นจึงจะเรียกว่ากฐินหลวง

แต่สมัยต่อมา เรื่องของกฐินหลวงได้เปลี่ยนไปตามภาวการณ์ของบ้านเมือง เช่น ประชาชนมีศรัทธาเจริญรอยตามพระราชศรัทธาของพระเจ้าแผ่นดิน
ได้รับพระมหากรุณาให้ถวายผ้าพระกฐินได้ตามสมควรแก่ฐานะ เป็นเหตุให้แบ่งแยกกฐินหลวงออกเป็นประเภท ๆ ดังปรากฎในปัจจุบันดังนี้


๑. กฐินที่กำหนดเป็นพระราชพิธี
พระเจ้าแผ่นดินเสด็จพระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐินด้วยพระองค์เองเป็นประจำ ณ วัดสำคัญ ๆ ซึ่งทางราชการกำหนดขึ้น
มีหมายกำหนดการเสด็จพระราชดำเนินไว้อย่างเรียบร้อย กฐินที่กำหนดเป็นพระราชพิธีนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สำนักพระราชวังออกหมายกำหนดการเป็นประจำปีจึงไม่มีการจองล่วงหน้า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐินด้วยพระองค์เอง แต่มิได้เสด็จไปทั้ง ๑๖ วัดหลวง
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์หรือองคมนตรีหรือผู้ที่ทรงเห็นสมควรเป็นผู้แทนพระองค์ไปถวายวัดหลวง ๑๖ วัด คือ


(๑) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กทม.
(๒) วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ กทม.
(๓) วัดสุทัศน์เทพวราราม กทม.
(๔) วัดบวรนิเวศวิหาร กทม.

(๕) วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม กทม.
(๖) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กทม.
(๗) วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม กทม.
(๘) วัดเทพศิรินทราวาส กทม.

(๙) วัดราชาธิวาส กทม.
(๑๐) วัดมกุฎกษัตริยาราม กทม.
(๑๑) วัดอรุณราชวราราม กทม.
(๑๒) วัดราชโอรสาราม กทม.

(๑๓) วัดพระปฐมเจดีย์ นครปฐม
(๑๔) วัดสุวรรณดาราราม พระนครศรีอยุธยา
(๑๕) วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ พระนครศรีอยุธยา
(๑๖) วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พิษณุโลก

๒. กฐินต้น
กฐินนี้เกิดขึ้นเพราะพระเจ้าแผ่นดินเสด็จพระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดที่มิใช่วัดหลวง และมิได้เสด็จไปอย่างเป็นทางราชการหรืออย่างเป็นพระราชพิธี
แต่เป็นการบำเพ็ญพระราชกุศลส่วนพระองค์ โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้

* เป็นวัดที่ยังไม่เคยเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินมาก่อน
* ประชาชนมีความเลื่อมใสในวัดนั้นมาก
* ประชาชนในท้องถิ่นนั้นไม่ค่อยมีโอกาสได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เมื่อเสด็จพระราชดำเนินไป จะได้มีโอกาสเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอย่างใกล้ชิดด้วย


๓. กฐินพระราชทาน
เป็นกฐินที่พระเจ้าแผ่นดินพระราชทานผ้าของหลวงแก่ผู้ที่กราบบังคมทูลขอพระราชทานเพื่อไปถวายยังวัดหลวง
นอกจากวัดสำคัญที่ทรงกำหนดไว้ว่าจะเสด็จพระราชดำเนินด้วยพระองค์เอง ปัจจุบันก็เว้น ๑๖ วัดดังกล่าวมาแล้ว
เหตุที่เกิดกฐินพระราชทานก็เพราะว่าปัจจุบันวัดหลวงมีเป็นจำนวนมาก จึงเปิดโอกาสให้กระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ ตลอดจนคณะบุคคลหรือบุคคลที่สมควร
รับพระราชทานผ้ากฐินไปถวายได้ และผู้ที่ได้รับพระราชทานจะเพิ่มไทยธรรมเป็นส่วนตนโดยเสด็จพระราชกุศลด้วยตามกำลังศรัทธาก็ได้

ปัจจุบัน กระทรวง ทบวง กรม คณะบุคคลหรือบุคคลใดมีความประสงค์จะรับพระราชทานผ้าพระกฐินไปถวาย ณ วัดหลวงวัดใดก็ติดต่อไปยังกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการตามระเบียบ ซึ่งเท่ากับเป็นการจองกฐินไว้ก่อนนั่นเอง


กฐินราษฎร์
เป็นกฐินที่ราษฎรหรือประชาชนผู้มีศรัทธานำผ้ากฐินของตนไปทอด ณ วัดต่าง ๆ เว้นไว้แต่วัดที่ได้กล่าวมาแล้วในเรื่องกฐินหลวง
การทอดกฐินของราษฎรตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นต้นมา จนกระทั่งปัจจุบันมีชื่อเรียกแตกต่างกันคือ

๑. กฐิน หรือ มหากฐิน
๒. จุลกฐิน
๓. กฐินสามัคคี
๔. กฐินตกค้าง


๑. กฐิน หรือ มหากฐิน
เป็นกฐินที่ราษฎรนำไปทอด ณ วัดใดวัดหนึ่งซึ่งตนมีศรัทธาเป็นการเฉพาะกล่าวคือ ท่านผู้ใดมีศรัทธาจะทอดกฐิน ณ วัดใด
ก็นำผ้ากฐินจัดเป็นองค์กฐิน อาจถวายของอื่น ๆ ไปพร้อมกับองค์กฐินเรียกกันว่า บริวารกฐิน

ตามที่นิยมกันมีปัจจัย ๔ คือ เครื่องอาศัยของพระภิกษุสามเณร มีไตรจีวร บริขารอื่น ๆ ที่จำเป็น เป็นของที่สมควรแก่พระภิกษุสามเณรจะบริโภค
นอกจากนี้ ยังมีธรรมเนียมที่เจ้าภาพจะต้องมีผ้าห่มพระประธาน และเทียนสำหรับจุดในเวลาที่พระภิกษุสวดพระปาติโมกข์ที่เรียกกันสั้น ๆ ว่าเทียนปาติโมกข์จำนวน ๒๔ เล่ม
และมีธงผ้าขาวเขียนรูปจระเข้หรือสัตว์น้ำอื่น เช่น ปลา นางเงือก
สำหรับปักหน้าวัดที่อยู่ตามริมน้ำ เมื่อทอดกฐินเสร็จแล้วและมีธงผ้าขาวเขียนเป็นรูปตะขาบ ปักไว้หน้าวัดสำหรับวัดที่ตั้งอยู่บนดอยไกลแม่น้ำ
เพื่อแสดงให้ทราบว่าวัดนั้น ๆ ได้รับกฐินแล้วและอนุโมทนาร่วมกุศลด้วยได้

อนึ่ง ยังมีประเพณีนิยมอีกอย่างหนึ่งเกี่ยวกับเวลาของการทอดกฐินถ้าเป็นเวลาเช้าจะมีการ ทำบุญถวายอาหารเพลแก่พระภิกษุสามเณรในวัด


๒. จุลกฐิน
เดิมเรียกว่า กฐินแล่น เป็นกฐินที่ต้องทำด้วยความเร่งรีบ เจ้าภาพผู้ที่จะทอดกฐินเช่นนี้ได้ต้องมีพวกมากมีกำลังมาก

เพราะต้องเริ่มตั้งแต่การทำผ้าที่นำไปทอดตั้งแต่ต้น คือ เริ่มตั้งแต่นำฝ้ายที่แก่ใช้ได้แล้ว แต่ยังอยู่ในฝักมีปริมาณให้พอแก่การที่จะทำเป็นผ้าจีวรผืนใดผืนหนึ่งได้
แล้วทำพิธีสมมติว่าฝ้ายจำนวนนั้นได้มีการหว่าน แตกงอกออกต้น เติบโต ผลิดอก ออกฝัก แก่ สุก แล้วเก็บมาอิ้วเอาเมล็ดออก

ดีดเป็นผง ทำเป็นเส้นด้าย เปียออกเป็นไจ กรอออกเป็นเข็ด แล้วฆ่าด้วยน้ำข้าว ตากแห้ง ใส่กงปั่นเส้นหลอด ใส่กระสวยเครือ แล้วทอเป็นแผ่นผ้าตามขนาดที่ต้องการ
นำไปทอดเป็นผ้ากฐิน เมื่อพระสงฆ์รับผ้านั้นแล้วมอบแก่พระภิกษุผู้เป็นองค์ครอง ซึ่งพระองค์ครองจะจัดการต่อไปตามพระวินัย

หลังจากนั้นผู้ทอดต้องช่วยทำต่อ คือนำผ้านั้นมาขยำทุบซักแล้วตากให้แห้ง นำมาตัดเป็นจีวรผืนใดผืนหนึ่ง แล้วเย็บย้อม ตากแห้ง พับ รีดเสร็จเรียบร้อย แล้วนำไปถวายองค์ครองอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ท่านทำพินทุอธิษฐาน เสร็จแล้วจะมีการประชุมสงฆ์แจ้งให้ทราบ พระภิกษุทั้งหมดจะอนุโมทนาเป็นเสร็จพิธี

ในกรณีผู้ทอดจุลกฐินไม่มีกำลังมากพอ จะตัดตอนพิธีการในตอนต้น ๆ ออกเสียก็ได้ โดยเริ่มด้วยการเอาผ้าขาวผืนใหญ่มากะประมาณให้พอที่จะตัดเป็นจีวรผืนใดผืนหนึ่ง
แล้วนำไปทอด เมื่อพระภิกษุสงฆ์ท่านนำไปดำเนินการตามพระวินัยแล้วก็ช่วยทำต่อจากท่าน คือ ซัก ตัด เย็บ ย้อมให้เสร็จ
แล้วนำกลับไปถวายองค์ครองเพื่อพินทุอธิษฐานต่อไปเหมือนวิธีที่กล่าวมาแล้ว


อนึ่ง ข้อที่ควรกำหนดคือ จุลกฐินจะเป็นวิธีใดวิธีหนึ่งก็ตาม จะต้องทำให้เสร็จในวันเดียว
เริ่มต้นตั้งแต่เวลาเช้าถึงย่ำรุ่งของวันรุ่งขึ้นคือ ต้องทำให้เสร็จก่อนรุ่งอรุณของวันใหม่ ไม่เช่นนั้นแล้ว กฐินนั้นไม่เป็นกฐินส่วนบริวารของจุลกฐิน
ผ้าห่มพระประธานและเทียนปาติโมกข์ ตลอดจนธงจระเข้ ธงตะขาบ ก็คงเป็นเช่นที่กล่าวมาแล้วในเรื่อง กฐินหรือมหากฐิน


๓. กฐินสามัคคี
เป็นกฐินที่มีเจ้าภาพหลายคนร่วมกัน มักจะตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง ดำเนินการแล้วมี หนังสือบอกบุญไปยังผู้อื่นด้วย
เมื่อได้ปัจจัยมาเท่าไรก็จัดผ้าอันเป็นองค์กฐิน รวมทั้งบริวาร ปัจจัยที่เหลือก็ถวายวัดเพื่อทางวัดจะนำไปใช้จ่ายในทางที่ควร
กฐินสามัคคีนี้มักนำไปทอดยังวัดที่กำลังมีการก่อสร้างหรือกำลังบูรณปฎิสังขรณ์ เพื่อเป็นการสมทบทุนให้วัด


๔. กฐินตกค้าง
กฐินนี้มีชื่อเรียกอีกว่า กฐินตก กฐินโจร ศาสตราจารย์พระยาอนุมานราชธนได้กล่าวถึง เหตุผลที่เกิดกฐินนี้ว่า

"แต่ที่ทำกันเช่นนี้ ทำกันอยู่ในท้องถิ่นที่มีวัดมาก ซึ่งอาจมีวัดตกค้างไม่มีใครทอดก็ได้ จึงมักมีผู้ศรัทธาไปสืบเสาะหาวัดอย่างนี้เพื่อทอดกฐิน
ตามปกติในวันใกล้ ๆ จะสิ้นหน้าทอดกฐินหรือในวันสุดท้าย คือวันก่อนแรมหนึ่งค่ำของเดือน ๑๒ ทอดกฐินอย่างนี้เรียกกันว่า กฐินตกค้าง หรือเรียกว่ากฐินตกบางถิ่นก็เรียก กฐินโจร

เพราะกิริยาอาการที่ไปทอดอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว จู่ ๆ ก็ไปทอดไม่บอกกล่าวล่วงหน้าไว้ให้วัดรู้ เพื่อเตรียมตัวกันได้พร้อมและเรียบร้อย
การทอดกฐินตกถือว่าได้บุญอานิสงส์แรงกว่าทอดกฐินตามธรรมดา บางทีเตรียมข้าวของไปทอดกฐินหลาย ๆ วัด แต่ได้วัดทอดน้อยวัด
เครื่องไทยธรรมที่ตระเตรียมเอาไปทอดยังมีเหลืออยู่ หรือทางวัดทอดไม่ได้ก็เอาเครื่องไทยธรรมเหล่านั้นจัดทำเป็นผ้าป่า เรียกกันว่า "ผ้าป่าแถมกฐิน"


การแก้ปัญหาเรื่องกฐินตกค้าง
ในกรณีที่วัดใดวัดหนึ่ง ไม่มีผู้จองกฐิน วิธีแก้ปัญหาคือ ใครก็ได้ที่มีศรัทธาและมีทุนไม่มาก ไปซื้อผ้าสำเร็จรูปผืนใดผืนหนึ่งนำมาถวาย ก็เรียกว่า ทอดกฐินแล้ว
หรือในกรณีที่บางวัดมีประเพณีให้ตัดเย็บ ย้อมให้เสร็จในวันนั้น ก็ซื้อผ้าขาวผืนเดียวมาถวายก็จัดเป็นการทอดกฐินที่สมบูรณ์ตามพระวินัย
เป็นอันแก้ปัญหาเรื่องกฐินตกค้างอย่างง่ายเพียงเท่านี้


ข้อเสนอแนะ
๑. พุทธศาสนิกชนควรทอดกฐินให้ถูกต้องตามความมุ่งหมายของกฐิน ได้แก่ การบำเพ็ญกุศลด้วยการถวายผ้ากฐิน แก่ภิกษุซึ่งอยู่จำพรรษาครบสามเดือนตามพุทธานุญาต

๒. การรวบรวมทุนที่มีผู้บริจาคเพื่อบำรุงวัดหรือสถานศึกษาในวัด ควรให้เป็นไปตามความ ศรัทธาของผู้บริจาค โดยมีเหตุผลอันสมควรเช่น ช่วยปฏิสังขรณ์วัดที่ทรุดโทรมให้มั่นคงถาวรสืบไป

๓. ในการเดินทางไปทอดกฐิน ณ วัดที่อยู่ห่างไกลซึ่งผู้จัดมักจะพ่วงวัตถุประสงค์ของการ ท่องเที่ยวไว้ด้วยนั้น ควรมีมาตรการรักษาความปลอดภัยของผู้ที่จะเดินทางไปเป็นหมู่คณะ ทั้งนี้เพื่อความไม่ประมาท

๔. ควรงดเว้นการเลี้ยงสุราเมรัยในระหว่างเดินทางหรือระหว่างที่มีงานทอดกฐิน ทั้งนี้เพื่อให้การบำเพ็ญกุศลเป็นไปด้วยความมีระเบียบเรียบร้อย

๕. ควรงดการใช้จ่ายในสิ่งที่ฟุ่มเฟือยและไม่จำเป็น โดยยึดถือการจัดให้ประหยัดเป็นหลักสำคัญ

๖. การฉลองหรือสมโภชกฐินก่อนทอดนั้น ควรทำเพียงเพื่อประโยชน์ของการนัดหมายให้พร้อมเพรียงกัน และเพื่อเป็นการส่งเสริมศรัทธาของผู้มาร่วมงานเท่านั้น
ไม่ควรมุ่งความสนุกสนาน อันมิใช่วัตถุประสงค์ของการทอดกฐิน ถ้ามีขบวนแห่เชิญผ้าพระกฐินไป ผู้เข้าขบวนควรแต่งกายให้เรียบร้อย
ถ้ามีขบวนฟ้อนรำควรเลือกการแต่งกายชุดสุภาพเพราะเป็นงานทางพระพุทธศาสนา

๗. การพิมพ์หนังสือแจกในงานกฐินนั้น จะมีหรือไม่ก็ได้ไม่เป็นการบังคับ แต่ถ้ามีควรเลือกพิมพ์หนังสือที่มีสาระประโยชน์

๘. ในการพิมพ์ใบบอกบุญหรือฎีกาเพื่อเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธามาร่วมทำบญนั้น ไม่ควรพิมพ์ชื่อ บุคคลเป็นกรรมการโดยไม่รับอนุญาตจากเจ้าของก่อน
__________________
เสียงธรรมจากพระองค์ที่ ๑๐
ธรรมพระพุทธเจ้า คือธรรมชาติ ธรรมชาติที่ทุกคนก็มีอยู่ในตัวเอง
เพราะฉะนั้นเธอก็มีธรรมะ ฉันก็มีธรรมะ เธอกับฉันมีธรรมเสมอกันคือความตาย
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ป้านุช ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา