"ของอย่างที่วัดท่าขนุนทำล่วงหน้าไปแล้ว อย่างเช่น ทำบัญชีรายรับรายจ่ายของวัด การไม่โฆษณาจำหน่ายวัตถุมงคลด้วยการขึ้นป้าย ซึ่งพวกเราจะเห็นว่าแม้แต่การจัดงาน วัดท่าขนุนก็ไม่มีปักธง ไม่มีการโฆษณา จะรู้ต่อก็เมื่อเข้าไปถึงในวัดเท่านั้น ซึ่งวัดอื่นทำไม่ได้ ถ้าไม่ทำก็จะเจ๊ง เพราะว่าไม่มีคนรู้ว่าวัดมีงาน
เลยกลายเป็นว่าเรื่องอะไรบางอย่างที่ครูบาอาจารย์ท่านบอกกล่าวเอาไว้ เราทำตามมีแต่จะปลอดภัย สมัยอาตมาออกจากวัดท่าซุงไปอยู่ที่เกาะพระฤๅษี ทำงานก่อสร้างไปได้ ๘ เดือนโดยประมาณ วันหนึ่งหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็มาหา ท่านถามว่า "แกมีเงินส่วนตัวเท่าไร ?" กราบเรียนหลวงพ่อด้วยความภูมิใจว่า "ไม่มีครับ ผมผลักลงเงินสังฆทานหมดเลย เอาเป็นกองกลาง"
ท่านถามว่า "ถ้าอย่างนั้นแกใช้เพื่อสงฆ์ไปเท่าไร ?"
"ไม่ทราบครับ"
"ใช้เพื่อส่วนตัวเท่าไร ?"
"ไม่ทราบครับ"
พอไม่ทราบ ๒ ครั้ง ไม้เท้าลงหัวโป๊กเลย ท่านบอกว่า "ไปทำบัญชีเสียใหม่ เงินทุกบาททุกสตางค์ รับมาจากใคร จ่ายไปเรื่องอะไร ถ้าเขาตรวจสอบต้องชี้แจงได้" อาตมาก็ต้องนั่งตูดด้านอยู่เป็นอาทิตย์เพื่อทำบัญชี แล้วก็สรุปว่าตั้งแต่ออกจากวัดมา ๘ เดือนแรกไม่มีเงินส่วนตัว เพราะว่าแยกไม่ออก ต้องยกให้สงฆ์หมดเลย ไปเริ่มเดือนที่ ๙ ถึงจะมีเงินส่วนตัว
เรื่องอย่างนี้อาตมาทำมาเป็นระยะเวลา ๒๐ กว่าปี แล้วอยู่ ๆ ทางคณะสงฆ์เข้มงวดขึ้นมา ก็ไม่รู้สึกกระทบ เพราะว่าทำมาตลอดอยู่แล้ว แต่ท่านที่ไม่ได้ทำจะตายเอา โดยเฉพาะท่านที่เป็นเจ้าอาวาส เริ่มขึ้นเป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่ช่วงไหน จะต้องมีบัญชีชัดเจน"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2018 เมื่อ 21:22
|