ดูแลพระเณรทำข้อวัตรหลวงปู่มั่น
โดยปกติองค์หลวงตาจะเป็นผู้ดูแลให้คำแนะนำเรื่องต่าง ๆ ว่าอันใดต้องทำ อันใดควรทำ อันใดต้องเว้นหรืออันใดควรเว้น เพื่อไม่ให้เป็นที่ขวางหูขวางตา ขวางอรรถขวางธรรมของหลวงปู่มั่น ท่านจะวางระเบียบหน้าที่การงานตามธรรมให้เหมาะสมและเข้าอกเข้าใจกัน ให้ความเคารพตามอายุพรรษา ผู้ใดเคยดูแลบริขารชิ้นใดของหลวงปู่มั่นก็ให้เอามาตามนั้น ไม่มีการก้าวก่ายกัน ท่านกล่าวถึงการดูแลอุปัฏฐากหลวงปู่มั่นในช่วงอยู่วัดป่าบ้านหนองผือในระยะท้าย ๆ ไว้ ดังนี้
“... ตอนเช้าพอออกมาจากห้อง แต่ก่อนเรานั่นแหละจะเข้าถึงท่านก่อนเพื่อน เข้าไปในห้องท่าน พอท่านเปิดประตู บริขารอะไร ๆ เรานั่นแหละจะเป็นผู้ขนออกมาให้พระให้เณร ครั้นพอนาน ๆ มาท่านก็ปรารภว่า ‘เออ ! พระที่มีอายุพรรษามาแล้ว ไม่ควรที่จะมาเกี่ยวข้องกับข้อวัตรปฏิบัติสำหรับเรามากนัก เพียงมาอยู่ห่าง ๆ ปล่อยให้พระเณรเหล่านี้มาทำข้อวัตรปฏิบัติต่อไป จะไม่มีนิสัยติดตัวมันล่ะ ถ้าไม่ให้มันทำบ้าง’
เมื่อปรารภเช่นนั้น ตั้งแต่นั้นมาเราก็อยู่ห่าง ๆ เป็นแต่เพียงบอกกับพระว่า องค์ไหนเอาบริขารชิ้นใด ๆ ของท่านลงมา ไม่ให้ก้าวก่ายกัน เราเป็นเพียงอยู่ห่าง ๆ บางทีก็นั่งอยู่ข้างนอกห้องในกุฏิ คอยดูแลพระเณรเอาบริขารท่านลงไป บางทีก็ไม่ขึ้น แต่จะมายืนอยู่ใต้ถุนกุฏิคอยดูพระเณรเอาของลงมา...”
เมื่อหลวงปู่มั่นไม่เห็นท่านสักสองวันสามวันผ่านไป หลวงปู่มั่นก็มักจะถามกับพระว่า
“นี่ ! ท่านมหามามั้ย ? ตอนเช้าท่านมหามามั้ย ?”
พระเณรก็ตอบว่า “มาครับ ท่านอยู่ข้างล่าง”
หลวงปู่มั่นก็นิ่งไปเสีย ท่านว่าเหมือนกับเรดาร์จับอยู่ตลอด พอเว้นห่างสองสามวันผ่านไปไม่เห็นอีก ท่านก็ถามขึ้นมาลักษณะเดิมอีก พระเณรก็ตอบแบบเดิม ท่านก็นิ่งอีก แม้ในช่วงที่หลวงปู่มั่นเจ็บไข้ได้ป่วย ท่านก็ถามกับพระเณรว่า
“ท่านมหาพิจารณายังไงละ ? เราเจ็บไข้ได้ป่วยเอามากแล้วนะ ท่านมหาได้พิจารณาอย่างไร ?”
พระเณรก็ตอบว่า “ท่านจัดเวรดูแลเรียบร้อยแล้ว”
คือให้มีพระอยู่ข้างบนสององค์ นั่งภาวนาเงียบ ๆ อยู่ข้างล่างสององค์เดินจงกรมเงียบ ๆ สำหรับท่านเป็นผู้คอยควบคุมเวรอีกต่อหนึ่ง