ดูแบบคำตอบเดียว
  #105  
เก่า 04-09-2012, 09:40
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

พระสาวก... ครั้งพุทธกาล

พระอนุรุทธะ รู้วาระจิตผู้อื่น

“...พระอนุรุทธะนี้ก็เป็นเชื้อกษัตริย์ พระอนุรุทธะ พระอานนท์ เหล่านี้เป็นเชื้อกษัตริย์ในวงศ์พระศาสดานั่นแหละ เสด็จออกบวชเสียหมดเลย เป็นพระอรหันต์ล้วน ๆ ... พระอนุรุทธะเก่งในทางเจโตปริยญาณหรือปรจิตวิชชา คือวาระจิตของคนอื่นคนใดก็ตาม แม้แต่เทวบุตรเทวดา พระอนุรุทธะก็ทราบได้ละเอียดลออ...

ขณะที่พระองค์ทรงหน้าที่ปรินิพพาน เมื่อประทานพระโอวาทวาระสุดท้าย โอวาทวาระสุดท้ายนั้น เป็นภาษาไทยก็ว่า ‘ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันนี้เราเตือนเธอทั้งหลาย สังขารมีความเกิดขึ้นและเสื่อมไปดับไปอยู่อย่างนี้เป็นประจำ จงพิจารณาสังขารอันนี้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด’ … เวลานั้นไม่ใช่เวลาธรรมดา เป็นวิสามัญธรรมดา ๆ เป็นวิสามัญ

๑) จะปรินิพพานอยู่แล้วในขณะนั้น

๒) พระสงฆ์ที่เฝ้าพระองค์อยู่เวลานั้นมีแต่ผู้เตรียมพร้อมแล้ว ตั้งแต่พระอรหันต์ลงมาจนกระทั่งถึงกัลยาณปุถุชน คือภิกษุเรื่อยลงมาเป็นลำดับ...

พอจากนั้นแล้วก็ปิดพระโอษฐ์ ทรงทำหน้าที่ปรินิพพาน ในขณะที่ทำหน้าที่นั้น พระสงฆ์สาวกก็ห้อมล้อมอยู่ พระอนุรุทธะก็อยู่ที่นั่นด้วย... พระอนุรุทธะตามเสด็จพระพุทธเจ้าในขณะที่จะปรินิพพาน จนกระทั่งปรินิพพานแล้วนั่นแหละ เวลาพระพุทธเจ้าจะปรินิพพานเพียงเสด็จเข้าสู่ปฐมฌานเรื่อยไป ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน ฌาน ๔ นี้เป็นรูปฌาน แล้วก็ก้าวเข้าไปถึงอากาสานัญจยตนะ วิญญานัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ นี่เป็นอรูปฌาน ๔

จิตก้าวเข้าไป ๆ ผ่านไป ๆ ผ่านไปตรงไหน พระอนุรุทธะรู้หมด ๆ จนกระทั่งเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ ดับสัญญาและเวทนาทั้งหมด สงบพระองค์อยู่นั้น พระทั้งหลายก็สงสัย มีพระอานนท์เป็นต้นนี้ สงสัยถามพระอนุรุทธะว่า ‘นี่ไม่ใช่พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วหรือ ?’

พระอนุรุทธะก็ตอบทันทีว่า ‘ยัง’ นั่น..ฟังซิ ‘เวลานี้เข้าประทับอยู่ที่สัญญาเวทยิตนิโรธ’

เพราะผู้ดู..ดูอยู่นี่ นั่นละ พระจิตที่บริสุทธิ์นั่น ดูซิ ...สูญไหม ? ถ้าสูญ..พระอนุรุทธะเห็นได้อย่างไร ? นั่นเอายันกันตรงนี้ซิ พระอนุรุทธะก็เป็นพระอรหันต์ แต่เก่งทางปรจิตวิชชา ตามเสด็จตามพระจิตของพระพุทธเจ้า ตามเสด็จในเวลาเข้าฌานเรื่อย ๆ พอเคลื่อนไหวออกมาก็บอก เคลื่อนออกมาจากสัญญาเวทยิตนิโรธเรื่อยมา จนกระทั่งถึงพระจิตอันบริสุทธิ์ธรรมดาแล้วก้าวเข้าอีก

พอก้าวเข้าฌาน คราวนี้ก็ถึงแค่จตุตถฌานซึ่งเป็นรูปฌาน ๔ พอผ่านจากรูปฌาน ๔ แล้วก็ไม่ก้าวเข้าไปอรูปฌาน ๔ แล้ว เพราะทั้งสองอย่างนี้เป็นสมมุติด้วยกัน พระจิตที่เป็นวิมุตติก็ผ่านออกตรงกลาง เมื่อผ่านออกไปไม่มีอะไรพาดพิงแล้ว ก็พูดไม่ได้ว่าไปโน้น ไปอยู่ที่โน่นที่นี่ เพราะไม่มีที่พาดพิง รูปฌาน อรูปฌาน เป็นสมมุติ สัญญาเวทยิตนิโรธก็เป็นสมมุติ พระจิตเข้าไปเกี่ยวข้องกับสมมุติใดก็บอกได้ว่า เวลานี้อยู่ตรงนั้น ๆ

พอออกจากสมมุตินี้โดยประการทั้งปวงแล้ว..นั่นพูดไม่ได้ จิตดวงนั้นแหละ จิตดวงบริสุทธิ์นั่นแหละ เวลาไม่มีอะไรพาดพิงแล้วก็พูดไม่ได้ แล้วสูญไหมล่ะ ? ฟังซิ..แต่อยู่ในนี้มีสิ่งที่พาดพิงอยู่นี้ก็พูดได้ว่า พระจิตของพระพุทธเจ้าเวลานี้เสด็จไปตรงนั้น ๆ พระจิตที่บริสุทธิ์นั่นไปไหนก็รู้หมด เพราะมีสมมุติเป็นเครื่องพาดพิงกัน พอให้ได้พูด พอออกจากนั้นแล้วไม่มีสมมุติ ก็ทีนี้ปรินิพพานแล้วเท่านั้น นั่นชัด

ท่านผู้รู้นิพพาน พูดเรื่องนิพพาน พูดได้เต็มปากซิ ก็พระอรหันต์เป็นผู้สอุปาทิเสสนิพพาน จิตเป็นนิพพานทั้ง ๆ ที่ยังมีธาตุมีขันธ์อยู่นี้... พระองค์ทรงรับสั่งข้อไหนเป็นพุทธพจน์แล้ว โอ้โห...เด็ดมาก ๆ ทุกประโยคเชียวนะ พระไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องยุ่งเหยิงวุ่นวาย ปล่อยให้ประชาชนเขามีกษัตริย์ มัลลกษัตริย์เป็นต้น มาจัดทำ

เวลาจะทรงเคลื่อนไหวพระสรีระศพออก ทีแรกออกไปทิศใต้ เทวดาไม่เห็นด้วย พระอนุรุทธะเก่งทางปรจิตวิชชาบอกว่า ‘เทวดาไม่ยินดีด้วย เทวดาให้ไปทางทิศเหนือ’ พอหมุนปั๊ปให้ไปทางทิศนั้นก็ไปได้เลย นั่นเห็นไหม ? พระอนุรุทธะบอกเทวดาไม่ยินดี ไม่เห็นด้วย เทวดาให้ไปทางนั้น ...

พอไปถึงแล้วบรรจุไฟละ..ที่นี่นะ..เอ้า..ไม่ติดอีก ‘ทำไมจึงไม่ติด ?’
‘ยังรอพระกัสสปะ พระกัสสปะกำลังเดินทางมาจะมาเฝ้าพระศาสดาเรา’ จึงต้องรอพระกัสสปะ พอพระกัสสปะมาก็พรึบเองเลยเทียว เป็นเองขึ้นเลยเทียว พอกราบฝ่าพระบาทของพระพุทธเจ้าแล้ว ไฟก็ขึ้นเองพรึบเลย...

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-09-2012 เมื่อ 19:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา