"แต่คราวนี้ของเราในปัจจุบันนี้ ความนิยมในการบวชเอาพรรษามีน้อย อาจจะติดด้วยการทำมาหากิน หรือความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเบาบางจางลงก็ไม่ทราบ แต่เป็นที่น่าดีใจว่าในช่วงแต่ละพรรษาที่ผ่านมา วัดท่าขนุนยังมีพระบวชเอาพรรษากันมาก อย่างพรรษานี้ทั้งที่บวชมาฆบูชา วิสาขบูชาและเข้าพรรษา ยังอยู่จำพรรษาด้วยกัน ๑๗ รูป ขณะที่วัดอื่นจะหาพระใหม่มาจำพรรษาสัก ๒ - ๓ รูปก็ยาก
บางท่านบวชตั้งแต่ลอยกระทงปีก่อน หรือมาฆบูชาปีนี้ซึ่งอยู่จนจำพรรษา เป็นเรื่องที่น่ายินดีว่าท่านเป็นคนเอาจริงกัน บางคนก็มาบวชแบบตั้งใจจะไม่สึกเลย อาตมาบอกว่าอย่าไปปิดกั้นตัวเองอย่างนั้น ถ้าเราไปปิดกันตัวเองว่าจะไม่สึกนี่กิเลสตีตายเลย เพราะกิเลสรู้ว่าเราไม่มีทางหนี ให้บอกกับกิเลสว่า "อยู่ไม่ได้เมื่อไรกูจะสึกทันที..!" ถ้าอย่างนั้นกิเลสไม่ค่อยมายุ่งกับเราหรอก เพราะรู้ว่าไอ้นี่มีที่ไปเยอะ..!
หลายคนที่มาถึงก็บอกว่า "ผมจะบวชตลอดชีวิต" อาตมาแนะนำว่า "ใจเย็น ๆ ให้ตั้งใจเอาทีละวันก็พอ" ถ้าวันหนึ่ง สองวันผ่านไปก็เอาสักอาทิตย์หนึ่ง ถ้าอาทิตย์หนึ่งผ่านไปก็ขอสัก ๑๐ วัน ๑๐ วันผ่านไปขอสักครึ่งเดือน ครึ่งเดือนผ่านไปขอสัก ๒๐ วัน ขยับไปเรื่อย อย่าไปบอกว่าบวชตลอดชีวิต จะกลายเป็นสร้างเงื่อนไขให้ตัวเอง
เดี๋ยวจะเหมือนสมัยที่อยู่วัดท่าซุง พระรุ่นน้องบอกรับกฐินแล้วก็จะสึก ก่อนจะสึกก็ไปถ่ายรูปตามสถานที่สำคัญต่าง ๆ ของวัด แล้วก็ไปอธิษฐานว่า ถ้ารูปถ่ายมีปาฏิหาริย์จะบวชตลอดชีวิตไม่สึก สมัยนั้นยังต้องล้างรูปอยู่ ล้างออกมามีดวงแสงดวงเบ้อเริ่มเลยอยู่บนหัวของท่าน ท่านก็ทนอยู่ต่อมาได้ ๒ อาทิตย์เกือบจะบ้าตาย ร้องไห้ไปหาหลวงพ่อวัดท่าซุง บอกว่าตั้งสัจจะเอาไว้อย่างนี้แล้ว อยากจะสึกจะทำอย่างไรดี ?"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-12-2017 เมื่อ 02:12
|