ดูแบบคำตอบเดียว
  #122  
เก่า 28-04-2017, 16:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ข้อสุดท้ายท่านบอกว่า เชื่อมั่นในตนเอง บุคคลที่จะเชื่อมั่นในตนเองได้ ต้องประกอบไปด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา ระดับหนึ่ง ในระดับที่เห็นว่าเรามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง กำลังของ ศีล สมาธิ ปัญญา จะคุ้มครองรักษาผู้ประพฤติธรรมจริง ๆ ไปไหนก็ไม่ต้องเก้อเขินกับใคร ไม่ต้องหวั่นเกรงใคร เพราะมั่นใจในความดีที่ตัวเองทรงตัว ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ตถาคตนั่งอยู่ในหมู่ท้าวมหาพรหมก็ดี อยู่ในหมู่ท้าวมหาราชก็ดี อยู่ในหมู่พระมหากษัตริย์ก็ดี อยู่ในหมู่พราหมณ์มหาศาลก็ดี ตถาคตไม่มีความเก้อเขินใด ๆ เพราะว่ามั่นใจด้วยฐานะทั้ง ๔”

ฐานะทั้ง ๔ คือ ตถาคตปฏิญาณว่าหมดกิเลสแล้วก็หมดกิเลสจริง ๆ ตถาคตปฏิญาณว่าตรัสรู้เองโดยชอบก็ตรัสรู้เองโดยชอบจริง ๆ ตถาคตกล่าวสอนธรรมเพื่อประโยชน์ของชนหมู่มากก็เพื่อประโยชน์ของชนหมู่มากจริง ๆ ไม่ได้เพื่อตัวเอง แบบนี้เป็นต้น

ฉะนั้น...เรื่องพวกนี้หากว่าเรายึดมั่นในคุณความดี มีความมั่นใจจริง ๆ ต่อให้สถานการณ์บ้านเมืองเป็นยุคมืดขนาดไหนก็ตาม เราสามารถที่จะยืนหยัดและฝ่าฟันผ่านไปได้โดยง่าย ไม่ต้องไปอาศัยหลักธรรม ๕-๖ หมวด เอาศรัทธาข้อเดียวก็พอแล้ว เพียงแต่ว่าต้องทำจริง ๆ พอเกิดผลแล้วจะเกิดความมั่นใจขึ้นกับตนเอง พอมั่นใจก็ “เอหิปัสสิโก” ก็คือสามารถท้าพิสูจน์ เรียกให้คนอื่นมาดู มาดูเพราะว่าเราทำได้จริง ไม่ต้องอายใคร"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-04-2017 เมื่อ 16:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา