ดูแบบคำตอบเดียว
  #54  
เก่า 10-08-2018, 20:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ที่ตลกที่สุดก็คือ วันก่อนเจ้าหน้าที่วิ่งไล่ตาม “ช่วยเซ็นรับเงินเดือนด้วย ๓ เดือนแล้วค่ะ” “อ้าว...แล้วคุณปล่อยให้ค้างได้อย่างไร ?” “ก็หลวงพ่อมาถึง ไม่ทันจะเห็นก็เข้าห้องไปแล้ว สอนเสร็จหลวงพ่อก็กลับเลย” ส่วนใหญ่อาตมาไปสอนหนังสือ ก็ตั้งใจเป็นธรรมทาน ของวัดไร่ขิงไม่ได้คิดเงินเขาเลย ทั้ง ๆ ที่ถ้าตามเงินเดือนปริญญาเอกคือ ๓ หมื่นกว่าบาท

ปรากฏว่าช่วงเดือนที่แล้วมีการประชุมคณาจารย์ ท่านเจ้าคุณพระเทพศาสนาภิบาล หรือหลวงพ่อเจ้าคุณแย้ม ท่านบอกว่า “การไม่รับเงินเดือนนั้นดี แต่คนอื่นอย่าอมของท่านสิวะ..! ให้ท่านเบิกออกมาแล้วเอาเข้ากองทุนการศึกษาของวิทยาลัยสงฆ์เอาไว้ เท่ากับว่าท่านให้ทุนการศึกษาทุกเดือน” นี่ก็คือการคิดแบบผู้ใหญ่ แต่สำหรับเจ้าหน้าที่ในสำนักงานเขาก็ เออ...พระอาจารย์เล็กไม่รับ เขาก็แค่กากบาดชื่อไว้ ถึงเวลาก็ไม่ต้องจ่าย

แต่มาจะแย่ตรงที่ว่าพอรับแล้วต้องเสียภาษี เนื่องจากว่าไม่ใช่เงินการกุศล แต่เป็นเงินเดือนจากงบประมาณแผ่นดิน สรุปว่าพระอื่นเสียภาษีหรือไม่เสียก็ไม่รู้ บรรดาพระอาจารย์ที่สอนหนังสือนี่เสียแน่นอน ถ้าหากว่าปีหนึ่งไม่เกิน ๑๕๐,๐๐๐ เสียร้อยละ ๕ ถ้าหากว่า ๓๐๐,๐๐๐ ขึ้นไป
โดนแน่ ๆ ร้อยละ ๘ เลย เพราะว่าเดือนหนึ่ง ๓ หมื่นกว่า

ในเรื่องของงบประมาณ ในแต่ละหน่วยงานส่วนใหญ่จะมีรายจ่ายถัวเฉลี่ย คือถ้ารายการนี้ไม่พอ รายการโน้นเกินมา ก็เกิดการดึงกันไปดึงกันมา ทำอย่างไรให้อยู่ในเงินจำนวนนั้น อาตมาไม่รับเงินเดือนก็จริง แต่ก็โดนเขาเอาไปถัวเฉลี่ยจนหมดอยู่ดี หลวงพ่อเจ้าคุณแย้มท่านทนไม่ได้ ให้เบิกออกมาแล้วให้เป็นทุนการศึกษาไป"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-08-2018 เมื่อ 02:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา