ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 13-01-2024, 01:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,629
ได้ให้อนุโมทนา: 151,867
ได้รับอนุโมทนา 4,413,834 ครั้ง ใน 34,219 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..เวลาพวกเราไปที่อื่น ให้ระมัดระวังไว้ด้วย ที่กระผม/อาตมภาพเตือนอยู่บ่อย ๆ ว่า "ลากลับบ้านบ้าง ลาไปที่อื่นบ้าง เมื่อกลับมาแล้ว กำลังใจของเรารักความสงบหรือไม่ ? ดิ้นรนอยากจะไปอีกหรือเปล่า ? ถ้าดิ้นรนอยากจะไปอีก ขอให้รู้ว่าเราแย่แล้ว" เพราะว่าจะอยู่ในลักษณะของหมาจิ้งจอกขี้เรื้อน ก็คืออยู่ที่ไหนก็ไม่สงบ

ถึงเวลาก็ต้องตะเกียกตะกายไปที่โน่นบ้าง ไปที่นี่บ้าง โดยที่พอไปแล้ว สภาพจิตเสพเสวยสิ่งใหม่ ๆ เข้าไป ก็ยอมสงบระงับลงครู่หนึ่ง พอถึงเวลาก็ดิ้นรนส่งส่ายต่อไป เมื่อทนความฟุ้งซ่านไม่ไหว ก็ตะเกียกตะกายไปใหม่ โดยที่ไม่ได้ดูที่ตัวเอง ไม่ได้แก้ไขที่ตัวเอง คิดว่าเป็นเพราะสถานที่ แต่ความจริงแล้วเป็นที่ตัวเราทั้งนั้น..!

ดังนั้น..ถ้าหากว่าใครอยู่ที่ไหนแล้วไม่สงบ ขอให้คิดเอาไว้ก่อนว่าเป็นเพราะใจเราไม่สงบเอง ถ้าหากว่าใจของเราสงบ ความฟุ้งซ่านไม่บังเกิด อยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน อยู่คนเดียวก็สงบกาย สงบวาจา สงบใจได้ อยู่ท่ามกลางคนหมู่มากก็สงบกาย สงบวาจา สงบใจ ได้

บาลีท่านใช้คำว่า สนฺตกาโย สนฺตวาโจ สนฺตมโน ก็คือ สงบกาย สงบวาจา และสงบใจ ถ้าใครทำถึงระดับนั้นได้ ก็เริ่มจะอยู่อย่างมีความสุข เพราะว่าจิตใจไม่ส่งส่ายวุ่นวายมาก

การที่เราจะเข้าถึงสภาพเช่นนั้นได้ อันดับแรกเลย ต้องทบทวนศีลทุกข้อให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ อันดับที่สอง วิ่งเข้าหาลมหายใจเข้าออก คืออานาปานสติ พร้อมกับคำภาวนา อย่างน้อยทรงระดับปฐมฌานละเอียดให้ได้ เพราะว่าปฐมฌานหยาบ เรามักจะขาดสติ เผลอเมื่อไรก็หลุดไปหา รัก โลภ โกรธ หลง

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าถึงปฐมฌานละเอียดแล้ว ? ก็คือ
การที่เรารู้ลมและคำภาวนาโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องบังคับก็เป็นเอง เราแค่เอาสติเข้าไปประคับประคอง ระมัดระวังไว้ อย่าให้หลุดไปไหนเท่านั้น

เนื่องเพราะว่าถ้าอยู่กับความสงบนาน ๆ แล้วไม่รู้จักพิจารณาวิปัสสนาญาณ พอกิเลสตีกลับ เราก็พังอีก..! หลายคนก็หกล้มหกลุก "หัวร้างคางแตก" แบบนี้มาตลอด แต่ก็ยังไม่เข็ด หรือว่ายังหามุมไม่เจอว่าเป็นเพราะอะไร ความจริงแล้วเป็น "หญ้าปากคอก" ที่ง่ายที่สุด แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วเราก็มักจะไปมองผู้อื่น หรือไม่ก็ไปโทษดินโทษฟ้ารอบข้างไปหมด ลืมโทษตัวเอง อย่าลืมพระบาลีที่ว่า "อัตตนา โจทยัตตานัง จงกล่าวโทษโจทก์ตนเองอยู่เสมอ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2024 เมื่อ 02:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา