ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 15-05-2018, 21:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,247 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยเฉพาะในส่วนของการตัดกิเลสนั้น ถ้าสภาพจิตของเราฟุ้งซ่านไปในอดีตหรืออนาคต กิเลสก็จะเจริญงอกงามใหญ่โตไปเรื่อย เพราะว่าส่วนใหญ่ก็ไปหวนหาอาลัยอดีต ฟุ้งซ่านในอนาคต ทำให้สภาพจิตเกิดการปรุงแต่งเป็น รัก โลภ โกรธ หลง อยู่ตลอดเวลา

การที่เราจะหยุดการปรุงแต่งได้นั้น ต้องหยุดใจของเราอยู่กับปัจจุบัน การที่จะหยุดใจของเราให้อยู่กับปัจจุบันได้ วิธีที่ดีที่สุดคืออยู่กับลมหายใจเข้าออก ถ้าอยู่กับลมหายใจเข้าออกของเราตรงหน้านี้ เท่ากับว่าเราหยุดอยู่กับตอนนี้ เดี๋ยวนี้ สภาพจิตไม่ได้วิ่งไปหาอดีตหรืออนาคต สติรู้ตัวอยู่กับลมหายใจในปัจจุบัน สภาพจิตก็ไม่ไปปรุงแต่งหา รัก โลภ โกรธ หลง กิเลสก็เกิดไม่ได้

ถ้ากำลังเราสูงกว่าก็กดกิเลสดับลงได้ชั่วคราว ถ้ากำลังของเรามากจริง ๆ ก็อาศัยกำลังนี้บวกกับปัญญา สามารถขุดรากถอนโคนกิเลสต่าง ๆ ออกจากใจของเราได้ เพราะว่าปัญญาจะมองเห็นว่า การที่เราฟุ้งซ่านปรุงแต่งไปต่าง ๆ นั้น จะเกิด รัก โลภ โกรธ หลง ที่เป็นทุกข์เป็นโทษอย่างไร เมื่อมีสติก็สามารถที่จะระงับยับยั้งได้ เมื่อมีสมาธิหยุดตัวเองได้แล้ว ก็จะใช้ปัญญาร่วมด้วยในการขุดรากถอนโคนกิเลส เมื่อรู้ว่าสมุทัยคือสาเหตุของการเกิดกิเลสนั้น เกิดจากการที่เรานึกคิดปรุงแต่ง ก็จะทำให้เราสามารถหยุดยั้งได้ทัน

ในเมื่อเราไม่ไปนึกคิดปรุงแต่ง กิเลสต่าง ๆ เกิดขึ้นไม่ได้ ก็จะเข้าถึงความดับตามแต่ระดับสภาพจิตของเรา ตามแต่ระดับปัญญาของเรา ว่าจะเข้าถึงสมาธิสูงแค่ไหน มีปัญญาแหลมคมว่องไวถึงระดับไหน ก็จะตัดกิเลสได้ตามลำดับขั้นที่เราเข้าถึง

ดังนั้น...ในการปฏิบัติพวกเราทุกคนจะทิ้งอานาปานสติไม่ได้ เพราะถ้าทิ้งเมื่อไรการปฏิบัติจะไม่มีผล แล้วโดยเฉพาะคือ ควรที่จะทำคู่กับพุทธานุสติ จะจับภาพพระไปด้วย หรือจับลมหายใจพร้อมกับคำภาวนาพุทโธไปด้วยก็ได้ ตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกของเราไป อย่าไปบังคับ ปล่อยลมหายใจให้เป็นธรรมชาติ จะหนัก จะเบา จะยาว จะสั้น แล้วแต่สภาพร่างกายของเราต้องการ

แค่กำหนดคำภาวนาหรือกำหนดภาพพระไปพร้อมกับลมหายใจเข้าออกเท่านั้น ถ้าลมหายใจเบาลง ให้กำหนดรู้ว่าลมหายใจเบาลง ถ้าลมหายใจหายไป ก็กำหนดรู้ว่าลมหายใจหายไป ถ้าคำภาวนาหายไป ก็กำหนดรู้ว่าคำภาวนาหายไป อย่าไปตกใจดิ้นรนออกจากสภาพนั้น จิตของเราก็จะดิ่งลึกเข้าสู่อัปปนาสมาธิที่แนบแน่น จนกระทั่งเข้าถึงที่สุดของสมาธิได้


ลำดับต่อไปให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันศุกร์ที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2018 เมื่อ 03:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา