หลวงพ่อกล่าวให้ฟังว่า "ด้วยความที่เราอยู่กับหลวงพ่อมานาน เวลาหลวงพ่อท่านเทศน์ ท่านจะบอกศักราชเสมอ การบอกศักราชของหลวงพ่อ ท่านจะบอกย่อ
การบอกศักราชจริง ๆ เขาจะบอกว่าขณะนี้เป็นวันเดือนปีที่เท่าไหร่ พระพุทธศาสนาล่วงมาแล้วกี่วัน กี่เดือน กี่ปี และยังเหลืออยู่อีกกี่วัน กี่เดือน กี่ปี นี่คือการบอกศักราชแบบเต็มยศ แต่ปัจจุบันนี้ เราจะบอกแค่ว่าล่วงมาแล้วเท่าไหร่ สมัยก่อนที่เขาบอกเต็มเพื่อเตือนสติให้รู้ว่า เวลามันผ่านไปเร็วมาก ถ้าเราไม่เร่งปฏิบัติเดี๋ยวพระพุทธศาสนาครบห้าพันปีเสียก่อน จะเฮงไม่รู้จบ
ด้วยความเคยชินที่อยู่กับหลวงพ่อ ฟังเสียจนจำได้ก็เลยบอกศักราชได้ตั้งแต่เทศน์ธรรมาสน์แรก ปรากฏว่าตอนที่ไปอบรมพระนักเทศน์ เขาบอกว่าการเทศน์ ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วตั้งอุเทศเลยก็ได้ ไม่ต้องบอกศักราช แต่ถ้าใครมีความสามารถพิเศษบอกศักราชได้เลยถือว่าดีมาก สรุปแล้วของเราที่ไม่เอาไหนมันกลายเป็นดีมากของเขา พอถึงเวลาท่านอาจารย์มหาณรงค์ศักดิ์ ท่านก็เอาใบที่เขียนศักราชมาเป็นภาษาบาลี เราก็ต้องแก้แล้วแก้อีก เพราะมันผิด ท้ายสุดก็บอกว่าอาจารย์ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวคนอื่นจะเดือดร้อน เดี๋ยวผมบอกปากเปล่าให้ดีกว่า
ก็เลยกลายเป็นงานประจำ ถ้าเปิดการสาธยายพระไตรปิฎก ก็ต้องไปร่วมงานเปิด อยู่ในฐานะเป็นคนบอกศักราช คือ ประกาศให้รู้ว่าพระพุทธศาสนาขณะนี้ล่วงมาแล้ว ๒๕๕๒ ปี"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 28-04-2013 เมื่อ 12:12
|