ดูแบบคำตอบเดียว
  #56  
เก่า 10-12-2014, 12:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,163
ได้รับอนุโมทนา 4,405,533 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เมื่อวานนี้โยมพิจารณา... พอเห็นแล้ว จึงย้ายความรู้สึกตรงนี้ออกไป ลบความรู้สึกความยึดมั่นถือมั่น ความรู้สึกจะว่างเปล่า เหมือนกับไม่มีความคิด อยากจะถามว่าถูกบ้างไหม ?
ตอบ : ถามว่าถูกไหม ? ถูก..แต่เกินความต้องการไปหน่อย เอาแค่ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา ทุกอย่างไม่มีสาระก็พอแล้ว การพิจารณาในลักษณะของเราไม่ใช่การพิจารณา แต่เป็นการใช้สมาธิในอรูปฌาน ถ้าการพิจารณาที่ใช้ปัญญาจริง ๆ เขาต้องถอยสมาธิออกมาก่อน แล้วค่อยพิจารณา สังเกตไหมว่าของเราไม่ได้คลายสมาธิออกมา เพียงแต่ว่าเปลี่ยนอารมณ์สมาธิ

ถาม : ไม่รู้เลยค่ะ ?
ตอบ : ไม่รู้เลยใช่ไหม ? ลองไปสังเกตว่าเราไม่ได้ทิ้งการภาวนาเลย เพียงแต่เปลี่ยนวิธีการภาวนาเท่านั้นเอง ลักษณะคล้าย ๆ กับอรูปฌาน คราวหน้าก่อนที่จะพิจารณาเราก็ถอยกำลังออกมา อยู่อารมณ์สบาย ๆ ตามปกติของเรา แล้วก็ค่อย ๆ คิดดู ว่าทุกอย่างเกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงไปในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด แม้กระทั่งร่างกายของเราหรือคนอื่นก็เหมือน ๆ กัน จึงไม่มีอะไรให้ยึดมั่นถือมั่นได้ ตัวเราก็ตาย ตัวเขาก็ตาย ไม่มีใครดีใครเลวกว่ากันหรอก เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง สลายไปเหมือน ๆ กัน

พอพิจารณาไปเรื่อย ๆ สภาพจิตจะทรงตัวเป็นสมาธิ ก็จะย้อนกลับไปภาวนาใหม่ ส่วนที่โยมว่ามานั่นเป็นการทรงสมาธิไม่ปล่อย แต่ว่าการทรงสมาธิอยู่ เราสามารถที่จะรักษาอารมณ์อะไรบางอย่างเอาไว้ได้ อย่างเช่น อารมณ์อรูปฌานในลักษณะของการกำหนดพิจารณาความไม่มีอะไร ทำไปแล้วกันเท่าที่ทำได้ อรูปฌานกำลังก็เหลือเฟือเหมือนกัน เพียงแต่ว่าถ้าติดอยู่แค่นั้นก็ลำบากหน่อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2014 เมื่อ 14:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา