ดูแบบคำตอบเดียว
  #39  
เก่า 08-09-2015, 20:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,666 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยรัชกาลที่ ๕ ผู้ชายเขานิยมไว้หนวดกัน ก็คาดว่าน่าจะเป็นแฟชั่นจากต่างประเทศ บรรดาชาวต่างชาติที่เข้ามาบ้านเรายุคนั้น ส่วนใหญ่ไว้หนวดกันเป็นปกติ แล้วเราไปเห็นว่าเขาเป็นชาติที่เจริญแล้วก็เลยทำตามเขา

ตอนช่วงนั้นมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างด้วยกัน อย่างเช่นว่าต้องใส่เสื้อ เพราะเขาเห็นว่าการไม่ใส่เสื้อของคนโบราณเป็นความล้าหลังป่าเถื่อน ทั้ง ๆ ที่บ้านเราอากาศร้อน ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ใส่เสื้อกัน ยกเว้นว่าไปวัดไปวาก็มีผ้าห่มผืนหนึ่ง แต่อาจจะห่มพาดเฉย ๆ อีกอย่างก็คือ บรรดาเจ้านายตลอดจนข้าราชการต่าง ๆ พยายามลดการกินหมากลง เพราะเวลากินหมากมักจะบ้วนน้ำหมากกันเลอะเทอะไปหมด

การกินหมากโดนห้ามจริง ๆ ในสมัยจอมพลแปลก พิบูลสงคราม เขาเรียกว่ายุคมาลานำไทยสู่มหาอำนาจ ให้คนใส่หมวกแบบอารยประเทศ บ้านเราใส่หมวกไม่ได้ ต้องใส่งอบ เพราะบ้านเราอากาศร้อน ไม่มีความจำเป็นต้องใส่หมวกเพื่อรักษาความอบอุ่นของศีรษะ

ในบ้านเราหมากมาหมดเอาจริง ๆ เมื่อไม่นานมานี้เอง รอบข้างเขาก็ยังกินหมากกันเป็นปกติ โดยเฉพาะพม่า ประเทศที่เรานึกไม่ถึงเลยก็คือไต้หวัน ทุกวันนี้ไต้หวันยังกินหมากกันเป็นปกติ สาว ๆ ร้านขายหมากก็ก้าวหน้าเหลือเกิน นุ่งน้อยห่มน้อย บางคนนี่แทบจะเป็นบิกินี่เลย เพราะขายหมากให้หนุ่ม ๆ มิน่า..เขาถึงได้กินกันไม่เลิก จะหาเรื่องไปซื้อหมากนี่เอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2015 เมื่อ 02:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา