ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 31-08-2015, 17:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,826 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อองค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปถึง ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ซึ่งมั่นใจว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เสด็จมานั้น คงจะมาเพราะทนลำบากไม่ไหว ก็เลยเลิกการทรมานกาย แล้วก็มาให้ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ เป็นผู้ปรนนิบัติรับใช้ตามเดิม เมื่อเห็นพระองค์ท่านเสด็จมาแต่ไกล ปัญจวัคคีย์จึงได้นัดแนะกันว่า เราจงอย่าลุกขึ้นต้อนรับ จงอย่าปูอาสนะถวาย จงอย่าถวายน้ำใช้น้ำฉันทั้งปวง

แต่เมื่อพระองค์ท่านเสด็จไปถึง ด้วยอำนาจของพุทธานุภาพ ปัญจวัคคีย์แม้จะนัดแนะกันดีแล้ว ต่างคนต่างก็กุลีกุจอทำหน้าที่ของตนเอง ท่านที่เคยล้างเท้าก็ล้างเท้าให้ ท่านที่เคยปูอาสนะก็ปูอาสนะถวาย ท่านที่เคยถวายน้ำใช้น้ำฉันก็ถวายน้ำใช้น้ำฉันแก่พระองค์ท่าน แต่ก็ยังใช้คำพูดในลักษณะของผู้ใหญ่พูดกับเด็ก โดยเรียกองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า “อาวุโส” แปลว่า “ผู้มีอายุ” ซึ่งเป็นคำที่ผู้ใหญ่เรียกเด็กในสมัยนั้น ถ้าหากว่าเป็นสมัยนี้ก็ประมาณว่า “ไอ้หนุ่ม” อะไรทำนองนี้

องค์สมเด็จพระภควันต์จึงได้ตรัสห้ามและกล่าวว่า บัดนี้เราบรรลุมรรคผลแล้ว ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ก็ยังไม่เชื่อ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสย้ำว่า ระหว่างที่อยู่ด้วยกันมา ๖ ปี เราเคยกล่าวคำไม่จริงหรือไม่ ? ปัญจวัคคีย์พิจารณาตามไปแล้ว ก็เห็นว่าตลอดทั้ง ๖ ปีที่ผ่านมา องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ล้วนแล้วตรัสแต่ความสัตย์ความจริงทั้งสิ้น ดังนั้น เชื่อว่าองค์สมเด็จพระมหามุนินทร์ คงจะบรรลุมรรคผลแล้วดังที่ได้ตรัสมา จึงตั้งใจฟังธรรม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ซึ่งเป็นพระสูตรแรกและเป็นพระธรรมเทศนากัณฑ์แรกในพระพุทธศาสนา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-08-2015 เมื่อ 19:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา