พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องการปฏิบัติ พอรู้วิธีแล้ว ของยากก็เป็นของง่าย ค่อย ๆ ทำไป ในส่วนที่จะบอกกับญาติโยม ก็คือ ถ้าเราค่อย ๆ สะสมไปทีละเล็กละน้อยโดยที่ไม่ทิ้ง สิ่งต่าง ๆ ที่เราจะพึงรู้พึงเห็นก็เป็นเรื่องปกติ แต่รู้เห็นแล้วมักจะเสียมากกว่าดี
ที่ว่าเห็นแล้วมักจะเสียมากกว่าดี ก็เพราะว่าเราไม่รู้หนักไม่รู้เบา บางอย่างรู้แล้วพูดไม่ได้เราก็พูด บางอย่างรู้เป็นร้อย พูดได้ไม่เกินสิบ เราก็ไปพูดจนเต็มร้อย ก็แปลว่ากำลังจะหาเรื่องเดือดร้อนเอง ถ้าใช้คำพูดของหนังจีนกำลังภายในก็บอกว่า "ท่านกำลังฝืนลิขิตฟ้า เปิดเผยความลับของสวรรค์"
ฉะนั้น..การรู้เห็นจึงเสียมากกว่า ยิ่งรู้เห็นชัดเจนเท่าไรก็ยิ่งโดนหลอกได้ง่าย เพราะจะมีการทดสอบ แล้วเขาไม่บอกด้วยว่าเป็นการสอบ ถึงเวลาก็มาเลย คราวนี้ทุกคนจะมีจุดอ่อนตรงที่ว่า “เพราะเราเห็น..เราจึงเชื่อ” คนอื่นพูดอะไรก็ไม่ฟัง เพราะเห็นด้วยตัวเอง จุดนี้แหละที่จะโดนหลอกง่ายที่สุด อาตมาเคยเปรียบเทียบว่า เห็นเขาไล่ยิงไล่ฟันกันมา เราก็ลากมีดลากปืนไปช่วย จะโดนเขากระทืบตาย..เพราะเขากำลังถ่ายหนังกันอยู่ เราเห็นจริง ๆ ใช่ไหมว่าเขาไล่ยิงไล่ฟันกันมา ? ก็เห็นจริง แล้วเรื่องที่เราเห็นจริงไหม ? ไม่จริง เพราะเขาถ่ายหนังกันอยู่ ตรงจุดนี้แหละที่เขาจะหลอกเราได้
ในเมื่อเราเห็น เราเชื่อ คนอื่นเตือนก็จะไม่ฟัง มักจะโดนลากให้หลงทางไปได้ง่าย ดังนั้น บางสำนักเขาถึงมีนิพพานขาว นิพพานดำยุ่งไปหมด เรื่องพวกนี้ถ้าไม่รู้จักยั้งใจตนเอง มีแต่อธิโมกขศรัทธา คือน้อมใจเชื่ออย่างเดียว ก็จะเกิดผลเสียแก่ตนเอง แล้วไปติดอยู่แค่ตรงนั้น"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-08-2015 เมื่อ 11:23
|