ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 27-05-2019, 20:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ครั้งแรกในชีวิต สมัยนั้นอยู่ประมาณพรรษาที่สอง ที่บวชอยู่วัดท่าซุง เดินบิณฑบาตสายใต้ประมาณ ๒.๕ กิโลเมตร เดินไปกลับราว ๆ ๕ กิโลเมตร วันแรกที่ประคองใจตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกจากวัดจนกระทั่งเดินกลับได้ โดยไม่หลุดไปที่อื่นเลย มีความสุขมาก เริ่มมั่นใจว่าเราพอจะมีกำลังสู้กิเลสได้ ไหวไหม ๕ กิโลเมตร ?

บรรดาสาว ๆ ที่มาใส่บาตรแต่ละคนก็เมตตาเหลือเกิน พระไม่ค่อยได้เห็นอะไรก็เปิดนั่นเปิดนี่ให้ดูไปเรื่อย
เชื่อเถอะ..สมาธิหลุดหมด..! ก็แปลว่าเราต้องประคับประคองกำลังใจของเรา ให้อยู่กับเราในลักษณะเดียวกับตอนที่นั่ง ให้นานที่สุด แต่อย่าเผลอนะ

ใหม่ ๆ อาตมาประคองอยู่ได้ ๒ เดือนกว่า คิดว่าลอยลำแล้วกู จะหลับ จะตื่น จะยืน จะนั่ง อารมณ์ใจนิ่งสนิทเท่ากับตอนที่ทำกรรมฐาน คิดว่าเราน่าจะเห็นหน้าเห็นหลังอะไรแล้ว
เผลอหน่อยเดียวร่วงไม่เป็นท่าเลย ประมาทหน่อยเดียวโดนเตะร่วงตอนไหนก็ไม่รู้

หลังจากนั้นมีสาหัสกว่านั้นอีก บางที ๓ ปีผ่านไป สภาพจิตนิ่งสนิท กิเลสสักตัวก็ไม่เกิด กูน่าจะบรรลุแล้ว..!? มารู้ตัวอีกทีอยู่ก้นเหว..! ทั้ง ๆ ที่ระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา แต่เหมือนกับทางเดินค่อย ๆ ลดลงทีละมิลลิเมตร ไม่รู้ตัวเลย มองกลับไปอีกทีอยู่ก้นเหวแล้ว ๓ ปีเต็ม ๆ หลอกเราลงก้นเหวจนได้

พวกเราไม่ได้ทำขนาดนั้น ไม่ได้ทุ่มเทชนิดมอบกายถวายชีวิตแบบนั้น โอกาสจะชนะจึงมีน้อย เพียงแค่ว่าเราประคองอารมณ์ใจของเราให้อยู่กับตัวให้นานที่สุด อย่าให้หล่นหายไปง่ายนัก แล้วการปฏิบัติเราจะก้าวหน้า ไม่อย่างนั้นบางคนทำมาหลายสิบปี ถามว่าทำไมไม่ก้าวหน้าสักที ? ก็ไม่เคยรักษาอารมณ์ใจได้เลย แล้วจะไปก้าวหน้าได้อย่างไร ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-05-2019 เมื่อ 20:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา