ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่าใครศึกษาด้านนี้ ต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง โดยเฉพาะการใช้ทิพจักขุญาณในการทำนายทายทัก อันดับแรกเลย ต้องรู้ว่า รู้แล้วพูดได้เท่าไร
อันดับที่สอง ต้องไม่ลืมว่าคำทำนายนั้นเกิดจากปัจจุบัน ตอนนี้ เดี๋ยวนี้เท่านั้น อย่างเช่นทำนายว่าถ้าวิ่งรถจากวัดท่าขนุนไปกรุงเทพฯ โดยใช้ความเร็ว ๑๐๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน ๓ ชั่วโมง เราจะถึงกรุงเทพฯ นั่นคือความเร็วในปัจจุบันที่ ๑๐๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง
แต่ถ้าเราเร่งความเร็วขึ้น ก็จะถึงเร็วกว่า ๓ ชั่วโมง ลดความเร็วลง ก็จะถึงช้ากว่า ๓ ชั่วโมง ก็แปลว่าสิ่งที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงในระหว่างกลาง ทำให้ผลของคำทำนายเปลี่ยนไป หลายต่อหลายคนที่ไม่เข้าใจตรงนี้ บางทีก็ทะเลาะเบาะแว้งกับหมอดูใหญ่โตไปเลย ว่าทายไปแล้ว ไม่เห็นแม่นอย่างที่เขาลือกัน โดยที่ไม่ได้ดูว่าในช่วงระหว่างนั้น ตนเองทำอะไรไปบ้าง
การใช้ทิพจักขุญาณในการเป็นหมอดู จึงเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะว่าอันดับแรก ถ้าหากว่าเราฝืนกฎของกรรม โทษจะเกิดแก่ตัวเอง อันดับที่สอง ถ้ารู้แล้ว บอกเกินกว่าที่เขาอนุญาต ก็ "โดน" อีก และอันดับสุดท้าย ถ้าหากว่าทำนายไปแล้ว เขามีการเปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง คำทำนายนั้นไม่เกิดผล อย่าเพิ่งหมดกำลังใจเสียก่อน..!
สำหรับเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าใครสนใจ สามารถที่จะศึกษาเรียนรู้ได้ เพียงแต่ว่าชีวิตของคน ๆ หนึ่งคงไม่ได้มีมากมาย ถึงขนาดเที่ยวจะต้องไปเป็นขี้ข้าชาวบ้านเขา ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นของตนเองจะดีกว่า
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-04-2024 เมื่อ 01:21
|