๑๑. หลวงพ่อฤๅษีท่านมาเสริมว่า นี่แหละตรงกับที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า “อะจิรัง วะตะยัง กาโย ปะฐะวิง อะธิเสสสะติ ฉุฑโท อะเปตะวิญญาโณ นิรัตถังวะ กะลิงคะรัง” ร่างกายนี้เมื่อมีวิญญาณไปปราศแล้ว ก็เสมือนหนึ่งท่อนไม้ที่ถูกเขาทอดทิ้ง (หมายความว่า เมื่อจิตทิ้งกายไปแล้ว ร่างกายก็เหมือนกับท่อนไม้ที่ไร้ค่า)
๑๒. จากนั้นก็เห็นภาพของร่างกายเริ่มน่วม เพราะพอธาตุไฟดับ ธาตุน้ำก็ละลายธาตุดิน สิ่งสกปรกทั้งหลายก็ไหลออกมาตามรูทวารต่าง ๆ มีน้ำเลือด น้ำหนอง ขี้ เยี่ยว น้ำลาย น้ำมูก เป็นต้น ศพเริ่มส่งกลิ่นเหม็น เพราะกลิ่นนี้จึงพาให้แมลงมาตอม โดยเฉพาะแมลงวันและวางไข่ไว้บนร่างกาย
ธาตุน้ำที่ละลายธาตุดิน ก็ดันให้กายเริ่มบวม อืด ตาปลิ้น ลิ้นจุกปาก หนังหน้าท้องเริ่มบวมเป่งขึ้นตามลำดับ ต่อมาก็เห็นหนอนตัวเล็ก ๆ แล้วก็โตขึ้น ๆ ชอนไชไปทั่วกาย ที่สุดสภาพกายคนก็หายไปเพราะถูกหนอนกินหมด เหลือแต่กระดูกกับตัวหนอนเต็มไปหมด เมื่ออาหารของหนอนหมด หนอนก็เริ่มตาย บางตัวก็กลายเป็นแมลงเกาะแทะกระดูกต่อไป ที่สุดแม้แต่กระดูกก็ผุกร่อน สลายตัวไปหมด ไม่มีอะไรเหลือเลย ไม่มีอะไรที่จะยึดได้ว่า อะไรคือร่างกาย ก็ขอจบไว้เพียงแค่นี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2010 เมื่อ 03:08
|