ดูแบบคำตอบเดียว
  #13  
เก่า 13-01-2013, 20:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,634
ได้ให้อนุโมทนา: 151,879
ได้รับอนุโมทนา 4,415,148 ครั้ง ใน 34,224 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คนเป็นพ่อแม่ ไม่เคยมองเห็นลูกตัวเองโตเลย นึกถึงสมัยก่อน ถ้าอาตมามีโอกาสลากลับบ้านก็จะไปนอนตักแม่ แม่จับหัวคลำไปคลำมาก็พูดว่า “ยังจำได้ว่าเห็นนอนดิ้น ๆ อยู่ ยังคลานไม่ได้เลย ทำไมโตขนาดนี้แล้ว ?” อาตมาบอกแม่ว่า “แม่..ตอนนี้ลูกแม่เป็นนายทหาร มีลูกน้องบานตะเกียงแล้ว แม่ยังเห็นเป็นเด็กอยู่อีก”

ความรักของพ่อของแม่เป็นความรักที่บริสุทธิ์ มีความปรารถนาดีต่อลูกอย่างเดียว จึงเป็นความรักเดียวกันกับความรักของพระอริยเจ้า ความรักของพระอริยเจ้าก็คือรักอย่างไม่มีข้อแม้ รักทุกคนโดยเสมอหน้ากัน ปรารถนาให้ทุกคนล่วงพ้นจากความทุกข์ มีแต่ความสุขเสมอกัน พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสอย่างเต็มปากเต็มคำว่า พระองค์รักราหุลเท่าใดก็รักเทวทัตเท่านั้น ถ้าคนที่ทำไม่ถึงจุดนี้จะไม่เข้าใจอย่างเด็ดขาดว่าเป็นไปได้อย่างไร คนหนึ่งเป็นลูกชายคนเดียว อีกคนหนึ่งเป็นศัตรู แต่สำหรับพระองค์ท่าน ไม่ได้เห็นว่าเป็นลูก ไม่ได้เห็นว่าเป็นศัตรู นั่นเป็นสิ่งที่ทางโลกเขาสมมติกันพระองค์ท่านเห็นว่าเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทุกคน

ในเมื่อเป็นดังนั้น ความรักของพระอริยเจ้ากับความรักของพ่อแม่ จึงเป็นความรักที่เหมือนกัน เขาถึงได้บอกว่าพ่อแม่คือพระอรหันต์ของลูก เพราะความรักของพ่อแม่ก็คือความรักแบบเดียวกับพระอรหันต์ แต่ปรากฏว่าพระอรหันต์ในบ้านจำนวนมากในปัจจุบันนี้ ไปลดคุณค่าของตัวเองลง รักลูกโดยมีข้อแม้ ถ้ารักลูกโดยมีข้อแม้แสดงว่ากำลังใจตกมาก ไม่ใช่พระอรหันต์แล้ว เพราะฉะนั้น..ห้ามรักลูกโดยมีข้อแม้ ต้องเป็นอัปปมัญญา (ไม่มีประมาณ) สงเคราะห์ได้แค่ไหนก็สงเคราะห์ สงเคราะห์ไปเต็มที่แล้วเอาดีไม่ได้ก็ปล่อยวาง แต่ถึงปล่อยวางก็ยังประกอบไปด้วยเมตตากรุณา เมื่อมีโอกาสก็พร้อมที่จะสงเคราะห์ใหม่ในทันที

คำว่ารักในความรู้สึกของบุคคลทั่ว ๆ ไป กับคำว่ารักในความรู้สึกของพระอริยเจ้า ห่างกัน ๘๔,๐๐๐ ลี้ยังว่าน้อยไปเลย ความรักของคนทั่ว ๆ ไปคือความรักที่มีเงื่อนไข มีข้อแม้ทั้งหมด พอถึงเวลาไม่ได้อย่างเงื่อนไข ไม่ได้อย่างข้อแม้ก็ทะเลาะกันบ้านแตก แต่ความรักของพระอริยเจ้าท่านไม่ทะเลาะกับใครหรอก คำว่ารักคนละความหมายกัน บางอย่างท่านถึงได้บอกว่า เมื่อเข้าถึงแล้วเป็นปัจจัตตัง ปัจจะ กับ อัตตะ ก็คือเฉพาะตน คนอื่นอธิบายให้เข้าใจไม่ได้ ต้องเข้าถึงเองถึงจะซาบซึ้งว่าแปลว่าอะไร

แบบเดียวกับพระปัจเจกพุทธเจ้า ปัจจะ กับ เอกะ เป็นปัจเจกะ อันนั้นเฉพาะหนึ่งเดียวจริง ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2013 เมื่อ 02:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 254 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา