ดูแบบคำตอบเดียว
  #13  
เก่า 19-10-2009, 16:32
ป้านุช's Avatar
ป้านุช ป้านุช is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
สถานที่: Bangkok Thailand
ข้อความ: 866
ได้ให้อนุโมทนา: 21,453
ได้รับอนุโมทนา 109,674 ครั้ง ใน 2,785 โพสต์
ป้านุช is on a distinguished road
Lightbulb

คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

จิตเหมือนเด็ก ชอบของเล่นใหม่ ๆ และวิธีแก้ไข

สภาพของจิตมันจักตื่นเต้นกับงานชิ้นใหม่ ๆ จึงฟุ้งไม่รู้จักหยุด เช่นเดียวกับการเจริญพระกรรมฐาน
หากได้ภาพกสิณใหม่ ๆ เจ้าก็มักจักชมชอบเล่นอยู่อย่างนั้น
แต่พอไประยะหนึ่ง จิตก็จักคลายจากอารมณ์การชมชอบนั้น

งานก็เช่นกัน สักระยะหนึ่งก็จักลงตัวเบื่อหน่าย
นี่หากเจ้าสามารถเบื่อกิเลสได้เยี่ยงนี้บ้าง ก็จักดีมาก

หากจักกล่าวไปตามความเป็นจริงแล้ว งานทุกอย่างไม่ใช่ของใหม่
ในชาติก่อน ๆ เจ้าก็เคยทำงานเหล่านี้มาแล้ว และบุคคลอื่น ๆ ก็เคยทำงานเหล่านี้มาแล้ว
ชีวิตร่างกายมันหายไป ก่อนที่งานเหล่านั้นมันก็จักหายไปบ้าง จิตมันก็หลงวนเวียนติดงาน
กลับมาเกิด แล้วทำอีก ชอบบ้าง เบื่อบ้าง หลงบ้างอยู่เยี่ยงนี้ตลอดกาลตลอดสมัย

กิเลสก็เช่นกัน เป็นกิเลสตัวเก่า ไม่มีอะไรนอกเหนือไปกว่าโมหะ โทสะ ราคะ
แต่จิตไม่รู้เท่าทันจึงหลงติดอยู่ในบ่วงกิเลส ยังอารมณ์ให้เกิดชอบใจบ้าง ไม่ชอบใจบ้าง
เบื่อบ้าง อยากบ้าง แต่ไม่รู้จักเบื่อจริง ๆ เพื่อคลายกำหนัดในกิเลสทั้งปวง

นี่เป็นเพราะเจ้าไม่รู้เท่าทันอารมณ์ของจิต รู้ไม่เท่าทันสภาวะของไตรลักษณญาณ
จึงได้ตื่นเต้นอยู่กับของใหม่ ๆ อยู่เรื่อย แม้จักเป็นวิหารทานก็ตาม ภาพกสิณก็ตาม อย่าตื่นหลงของใหม่ จนหลงลืมความตาย

มรณะภัยที่จักมาเยือนได้ได้ทุกขณะจิต
ระงับความฟุ้งซ่านไม่อยู่ก็เท่ากับประมาท เพราะอารมณ์จิตไม่เกาะพระนิพพานเข้าไว้
จิตมีกิเลสโดยเฉพาะอย่างยิ่ง อยากให้ภาพกสิณนั้นมันทรงตัวอยู่เช่นนั้นตลอดไป
ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างเกิด ดับเป็นปกติ

บุคคลผู้ฉลาดนำภาพกสิณเกิด ดับ มาพิจารณาเป็นวิปัสสนา
จนอารมณ์จิตสบาย แล้วจึงกำหนดอานาปานัสสติขึ้นมาใหม่ และกำหนดภาพกสิณขึ้นใหม่
ทำอยู่เยี่ยงนี้จึงไม่รู้จักเบื่อในภาพกสิณนั้น ๆ

งานก็เช่นกัน ที่เจ้าฟุ้งอยู่นี้ เพราะใช้จิตทำงานไปล่วงหน้า
ซึ่งงานเหล่านี้ต้องอาศัยร่างกายเป็นตัวทำ โดยมีจิตบงการอยู่เบื้องหลัง
ทำงานให้มีสติอยู่กับงานเฉพาะหน้าเท่านั้น จิตจึงจักเป็นสุข ไม่เบื่องาน
อย่าวาดแผนงานไปในอนาคต จงอยู่กับงานปัจจุบัน จิตก็จักไม่ฟุ้งซ่าน
เจ้าเห็นสาเหตุของอารมณ์ที่เกิดหรือยัง

ความใจร้อนตัวนี้แหละที่ทำให้อารมณ์ของเจ้าเสียทั้งงานทางโลกและทางธรรม
มรรคยังไม่ทันเดิน ก็ครุ่นคิดไปถึงผลเสียแล้ว งานทุกอย่างย่อมมีขั้นตอน เมื่อใจร้อนก็เสร็จไม่ทันใจเจ้า
ทั้งงานทางโลกและงานทางธรรม อารมณ์ท้อแท้เบื่อหน่ายก็เกิดขึ้น
เจ้าเห็นจุดด่างพร้อยของจิตจุดนี้หรือยัง

เมื่อเห็น ก็จงหมั่นแก้ไข กำหนดรู้ลมหายใจให้มาก ๆ อารมณ์จักได้ไม่ฟุ้งซ่านไปในธรรม
อนาคตที่ยังมาไม่ถึงค่อย ๆ ทำไปอย่าใจร้อน เตือนจิตตนเองเอาไว้ให้ดี ๆ
ละอารมณ์อย่างนี้ไม่ได้ ก็เอาดีไม่ได้เช่นกัน สาเหตุนี้คือต้นเหตุของอารมณ์เบื่องานทั้งทางโลกและทางธรรม
เจ้าจงหมั่นแก้ไข

หมั่นพิจารณาพรหมวิหาร ๔ ซึ่งเป็นกรรมฐานซึ่งทำให้จิตเยือกเย็น
สลับกันไปกับภาพกสิณพระ โดยอาศัยอานาปานัสสติเป็นพื้นฐาน ทำให้จิตทรงตัว
และจงหมั่นคิดถึงความตาย กันความประมาทเข้าไว้เสมอ ๆ

จงพยายามพิจารณาให้เห็นสภาพที่แท้จริงของร่างกาย
นอกจากความเสื่อมและสกปรกแล้ว มันยังตายได้ทุกขณะจิต และจงคิดอยู่เสมอ
งานทางโลกหรือกิเลสก็ดี เราจักเพียรทำไปตามหน้าที่ งานทางโลกทำไป การเพียรละกิเลสก็ทำไป

กำหนดรู้ว่างานและกิเลสไม่ใช่ของใหม่ ล้วนแต่เป็นของเก่าที่เราพบมาแล้วอย่างจำเจ
ควรทำจิตให้พ้นเสียที อย่าผูกพันกับมันให้มากนัก


งานทางโลกรู้ สักแต่ว่ามีร่างกายก็ต้องทำมันไป กิเลสที่เข้ากระทบก็รู้
สักแต่ว่ามีร่างกายมันก็ต้องกระทบเป็นธรรมดา จิตพร้อมที่จักปล่อยวางงานทางโลก
เมื่อร่างกายมันพังลงไป ยิ่งกิเลส ยิ่งสมควรพร้อมที่จักละ แม้ร่างกายยังไม่พังลงไปก็ตาม
อย่าเอาจิตไปผูกพัน ให้รักษาอารมณ์จิตเอาไว้ให้ดี ๆ


จากหนังสือ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๖
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
__________________
เสียงธรรมจากพระองค์ที่ ๑๐
ธรรมพระพุทธเจ้า คือธรรมชาติ ธรรมชาติที่ทุกคนก็มีอยู่ในตัวเอง
เพราะฉะนั้นเธอก็มีธรรมะ ฉันก็มีธรรมะ เธอกับฉันมีธรรมเสมอกันคือความตาย

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ป้านุช : 19-10-2009 เมื่อ 17:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 56 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ป้านุช ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา