ชื่อกระทู้: เทศน์สอนนาค
ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 01-10-2009, 09:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์สอนนาค


สาธุโข ปัพพัชชา ติ

ณ บัดนี้อาตมภาพรับหน้าที่วิสัชชนาในปัพพัชชกถา เพื่อเป็นเครื่องประดับสติปัญญาบารมี เสริมสร้างกุศลบุญราศีของบรรดานาคทั้งหลาย ตลอดจนญาติโยมของบรรดานาคทั้งหลาย ที่พร้อมใจมารวมกันในงานอุปสมบท ณ วัดท่าขนุนแห่งนี้

พ่อนาคทั้งหลาย ที่ท่านได้ชื่อว่านาคนั้น ตามรากศัพท์กล่าวเอาไว้ว่า นาคะ แปลว่าผู้ประเสริฐก็ได้ คือ เป็นผู้ประเสริฐไปด้วยความดีความงามทั้งปวง แปลว่า ผู้เป็นใหญ่ก็ได้ คือ เป็นใหญ่ในการกระทำความดีด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ แปลว่าผู้ฝึกดีแล้วก็ได้ เพราะว่าเรามาฝึกหัดกาย วาจาและใจ ตลอดจนการกราบไหว้ การกล่าวคำขานนาคเหล่านี้ เป็นต้น

อีกนัยหนึ่งโบราณท่านกล่าวไว้ว่า คำว่านาคนั้นมีพื้นฐานมาจาก ในครั้งหนึ่งพญานาคได้เนรมิตกายเป็นมนุษย์ เพื่อมาบวชในพระพุทธศาสนา แต่ว่านาคนั้นต่อให้เนรมิตบิดเบือนกายอย่างไรก็ตาม ในวาระต่าง ๆ หลายวาระด้วยกัน อย่างเช่นเวลานอนหลับก็ดี เวลากำลังมีคู่ผสมพันธุ์กันอยู่ก็ดี ในเวลาที่ตายลงก็ดี จะกลับคืนเพศเป็นนาคตามเดิม ดังนั้น..ภิกษุที่เป็นพญานาค เมื่อท่านหลับแล้วเผลอสติ คลายฤทธิ์ออกมา ทำให้กลายเป็นงูใหญ่อยู่ในกุฏิ สร้างความตกใจให้แก่เพื่อนพระภิกษุด้วยกัน จึงไปกราบทูลฟ้องพระพุทธเจ้า

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพอทราบเหตุ ก็ขอให้นาคนั้นได้สึกหาลาเพศไปเสีย เพราะเป็นสัตว์เดรัจฉาน ถึงบวชไปโอกาสจะเข้าถึงมรรคผลก็ไม่มี พญานาคนั้นมีความเสียใจเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ทูลขอพรไว้ว่า เนื่องจากตนเองตั้งใจบวชด้วยศรัทธาจริง ๆ เมื่อไม่มีโอกาสได้บวช ก็ขอให้มีเครื่องระลึกถึงในพิธีกรรมการบวชสักส่วนหนึ่ง ก็คือว่าให้บรรดาผู้ที่เข้ามาบวชนั้น ในระหว่างที่ฝึกตนอยู่ให้เรียกว่านาค เพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงตนบ้าง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระพุทธานุญาตตามนั้น เรื่องนี้เล่าสืบ ๆ กันมา เนื้อหาความเป็นจริงจะเป็นอย่างไร ไม่ได้มียืนยันไว้ในพระไตรปิฎก เพียงแต่ว่ากล่าวต่อ ๆ กันมาเท่านั้น

บรรดาพ่อนาคทั้งหลาย ตอนนี้ท่านทั้งหลายประกอบไปด้วยโอกาสอันดีงามที่จะบรรพชาหรือบวชได้ ด้วยว่าตัวท่านได้ถือเพศเป็นมนุษย์ เกิดในดินแดนของพระพุทธศาสนา เป็นผู้ประกอบไปด้วยอวัยวะครบถ้วน ๓๒ ประการไม่มีบกพร่อง เป็นผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสในพระบวรพุทธศาสนา ตั้งใจจะเข้ามาบวชเพื่อที่จะถือศีลปฏิบัติธรรม ให้สมกับที่เกิดมาชาติหนึ่งเป็นลูกผู้ชาย บัดนี้..ท่านทั้งหลายประกอบไปด้วยโอกาสอันดีงามนี้แล้ว เมื่อบวชเข้าไปก็ขอให้ตั้งใจปฏิบัติตามคำสอนของอุปัชฌาย์อาจารย์ เพื่อที่จะได้สร้างสมบุญกุศลของตนให้มากยิ่ง ๆ ขึ้นไป

เนื่องจากว่าในเพศของความเป็นพระภิกษุนั้น ประกอบด้วยศีลมากถึง ๒๒๗ ข้อ ระมัดระวังรักษาได้โดยยาก ในขณะที่เป็นฆราวาสหลายท่านที่มีศีล ๕ ข้อเป็นสมบัติ ยังไม่สามารถที่จะรักษาให้ครบถ้วนสมบูรณ์ได้ มีขาดบ้าง บกพร่องบ้างเป็นปกติ ยิ่งมารักษาศีล ๒๒๗ ข้อ ย่อมต้องมีข้อบกพร่องเป็นธรรมดา การที่เรามีข้อบกพร่อง ก็แปลว่าเกิดโทษขึ้นกับตนเอง กุศลที่พึงได้ก็มีอันบกพร่องไปเช่นกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2010 เมื่อ 17:39
สมาชิก 101 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา