ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 05-07-2018, 21:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,096 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ก็แปลว่าในส่วนของทิพจักขุญาณ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือ การยกกำลังใจของเราไปเกาะพระนิพพาน ในแต่ละครั้งรักษาอารมณ์ใจให้อยู่ที่นั่นให้นานที่สุด เพื่อให้สภาพจิตของเราเคยชินกับสภาพที่หมดกิเลส เมื่อจดจำได้ก็ลงมา ในระหว่างดำเนินชีวิตประจำวัน ต้องประคับประคองกำลังใจของเราให้ได้เช่นนั้น เมื่อสภาพจิตเคยชินกับสภาวะไร้กิเลส สภาวะไร้การปรุงแต่ง สติ สมาธิ ปัญญาของเรา ถ้าเข้มแข็งถึงที่สุด ก็จะรู้เท่าทัน รัก โลภ โกรธ หลง ทุกอย่าง ว่าจะเกิดขึ้นเพราะสาเหตุอะไร แล้วไม่ไปแตะต้องสาเหตุนั้น กิเลสทั้งหลายก็เกิดไม่ได้ ก็แปลว่าเราเข้าถึงความดับ คือ นิโรธ เข้าถึงพระนิพพาน คือ การพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง ตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องการ

ดังนั้น จึงขอใช้โอกาสนี้ตักเตือนท่านทั้งหลายว่า การใช้มโนมยิทธินั้น มีคุณอนันต์และมีโทษมหันต์ ถ้าใช้ถูกก็หมดกิเลสได้เร็ว เข้าสู่พระนิพพานได้เร็ว ใช้ผิดก็ยึดติด เวียนว่ายตายเกิด ทนทุกข์ในวัฏสงสารของเรากันต่อไป การใช้มโนมยิทธิจึงต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง ต้องประกอบไปด้วยปัญญา ไม่ไปล่วงกฎของกรรม

ลำดับต่อไป ขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๑

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย รัตนาวุธ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-07-2018 เมื่อ 01:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา