ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 15-12-2011, 18:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,803 ครั้ง ใน 34,093 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๔

ให้ทุกคนขยับตัวนั่งในท่าที่สบายของตนจ้ะ ตั้งกายให้ตรง กำหนดความรู้สึกทั้งหมดไว้ตรงหน้า หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ตามที่เราถนัด

วันนี้..เป็นวันเสาร์ที่ ๑๐ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔ เป็นการปฏิบัติธรรมต้นเดือนธันวาคม วันที่สองของพวกเรา

เมื่อวานนี้ได้กล่าวไปถึงแล้วว่า การที่น้ำท่วม ทำให้เราต้องมาชำระสะสางทำความสะอาดบ้าน ซึ่งเป็นการทำความสะอาดภายนอก เราควรที่จะใช้ศีล สมาธิ ปัญญา ในการชำระสะสางจิตใจของเราเอง เพื่อที่สภาพจิตของเราเมื่อสะอาดผ่องใสถึงที่สุด จะได้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดเข้าสู่พระนิพพานได้

วันนี้มีญาติโยมหลายท่านที่มาถามปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะเน้นหนักในเรื่องการปฏิบัติแล้วอยากจะให้มีฤทธิ์ มีอภิญญา มีทิพจักขุญาณ ได้มโนมยิทธิ เป็นต้น ความจริงเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ โดยเฉพาะมโนมยิทธิ เป็นการฝึกทบทวนของเก่าที่เรามีอยู่ เราต้องมีของเก่าอยู่ เราถึงอยากที่จะฝึก

ในเมื่อเรามีของเก่าอยู่แล้ว ถ้าสภาพจิตนิ่งพอ ของเก่าจะปรากฏขึ้นมาเอง ดังนั้น..บุคคลที่อยากจะฝึกเรื่องฤทธิ์ เรื่องอภิญญา เรื่องมโนมยิทธิ แปลว่าในอดีตเคยทำมาแล้วทั้งสิ้น ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายใจเย็น ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปขวนขวายดิ้นรนมาก เพียงแต่ปฏิบัติสมาธิภาวนาให้จิตมีความสงบระงับจนถึงระดับที่ต้องการเมื่อไร สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็จะคืนมาเอง

แต่ขอยืนยันว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวิชชา ๒ อภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ หรือแม้กระทั่งการปฏิบัติในกรรมฐาน ๔๐ ถ้าหากว่ายังเป็นโลกียะอยู่ ก็ยังยากที่จะพ้นจากนรก หรือพ้นจากอบายภูมิได้ เนื่องเพราะว่ายังไม่ใช่ความมั่นคงที่แท้จริง จนกว่าอารมณ์ใจของเราจะตัดลัดเข้าหาความเป็นพระอริยเจ้า ตั้งแต่ความเป็นพระโสดาบันขึ้นไป

ส่วนใหญ่อภิญญาทุกคนก็อยากได้ แต่ถ้าหากว่าเราแยกรากศัพท์ออกมา ก็จะเห็นว่าคำว่า "อภิญญา" ประกอบไปด้วย อุปสรรค(คำนำหน้า) อภิ คือ ยิ่งกว่า บวกกับ อัญญา คือความรู้ ก็แปลว่า ความรู้อันยิ่งกว่า เป็นความรู้ที่ยิ่งกว่ามนุษย์ทั่ว ๆ ไป

ในความคิดของอาตมภาพเองนั้น มีความเห็นว่า อภิญญานั้นก็คือการรู้ยิ่ง และการรู้ยิ่งที่แท้จริงนั้น ไม่มีอะไรรู้ยิ่งไปกว่าการตัดกิเลส เพราะว่าฤทธิ์เดชต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากอภิญญานั้นไม่ใช่ของเที่ยง ยังไม่สามารถที่จะหลุดพ้นจากความทุกข์ได้อย่างแท้จริง ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือพระเทวทัต มีความชำนาญในอภิญญา ๕ มากเป็นพิเศษ แต่ว่าท้ายสุดก็ต้องลงอเวจีมหานรก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2011 เมื่อ 02:48
สมาชิก 71 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา