ดูแบบคำตอบเดียว
  #45  
เก่า 06-06-2013, 12:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,929 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แล้วออกญาพระกลาโหมนี่ตอนหลังท่านเป็นใครคะ ?
ตอบ : ชื่อพระเจ้าปราสาททอง ออกหลวงนายฤทธิ์ก็เป็นประเภทนักเลงแท้ เขาบอกว่า “ถ้าเรื่องส่วนตัวชองท่านผมไม่ช่วย แต่ถ้าเรื่องของชาติบ้านเมืองบอกมาได้” เขาแยกส่วนตัวกับส่วนรวมออก ประเภทว่า "ไม่ชอบขี้หน้าเอ็ง แต่ถ้าชาติอื่นมาตีบอกได้ เดี๋ยวจะไปช่วยกันตี”

สมัยก่อนคำสั่ง ความเห็น ความต้องการของพระเจ้าแผ่นดินคือกฎหมาย แม้กระทั่งพระพุทธเจ้าก็ยังตรัสกับพระภิกษุไว้ ภิกขเว..อนุชานามิ ราชานัง อะนุวัตติตุนติ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุโลมให้คล้อยตามพระราชา คือคล้อยตามกฎหมายบ้านเมือง แปลว่าพระพุทธเจ้าสั่งให้พระอยู่ภายใต้กฎหมายบ้านเมืองแต่แรกแล้ว

เราต้องไปนึกว่าคนเป็นพระเจ้าแผ่นดิน สมัยก่อนไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ ต้องระงับรัก โลภ โกรธ หลงของตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ไม่อย่างนั้นแล้วอยู่ไม่ได้ เพราะถ้าปกครองแล้วไพร่ฟ้าประชากรเดือดร้อน ท้ายสุดจะลุกฮือขึ้นก่อกบฏ ฉะนั้น..บุคคลที่จะเป็นพระเจ้าแผ่นดิน พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสว่า อย่างน้อยต้องเคยปฏิบัติเนกขัมมะบารมีอย่างอ่อนมา ไม่อย่างนั้นห้ามใจตัวเองจากความต้องการเต็มที่ไม่ได้หรอก เพราะขนาดชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ บอกแล้วว่าความคิด ความต้องการ ความเห็นคือกฎหมาย ก็ต้องพยายามห้ามตัวเองเอาไว้ให้อยู่ในกรอบให้ได้ ไม่เช่นนั้นถ้าชาวบ้านไม่สนับสนุนก็อยู่ไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-06-2013 เมื่อ 03:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา