ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 06-12-2017, 05:48
นักเดินทางสังสารวัฏ นักเดินทางสังสารวัฏ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2016
ข้อความ: 77
ได้ให้อนุโมทนา: 139
ได้รับอนุโมทนา 2,965 ครั้ง ใน 205 โพสต์
นักเดินทางสังสารวัฏ is on a distinguished road
Default นอนกับภรรยาสัปดาห์ละ ๒ - ๓ ครั้ง จะทรงฌาน ๔ ได้ไหม ?

๑.อยากถามหลวงพ่อเรื่องอายตนะภายในและภายนอก อันที่ ๖ เกี่ยวกับเรื่องจิตและธรรมารมณ์ คืออารมณ์ที่จิตไปนึกคิด สมมุติว่าผมเดิน ๆ อยู่ แล้วตาไปมองเห็นรูปแล้วรูปที่เห็นเป็นรูปผู้หญิง ณ จุด ๆ นี้ถ้าผมหยุดคิดทันทีกิเลสตัวราคะจะไม่เกิดใช่หรือเปล่าครับ แต่ถ้าผมคิดต่อไปอีกว่า ผู้หญิงคนนี้หน้าตาดีทรวดทรวงดี
เราต้องการผู้หญิงคนนี้ ตอนนี้กิเลสเกิดขึ้นแล้วใช่ไหมครับ แล้วกิเลสตัวนี้เกิดมาจากจิตไปรับรู้อารมณ์ธรรมารมณ์ที่เป็นราคะและพอใจผู้หญิงสวย ใช่หรือเปล่าครับ

๒.จากข้อแรกอายตนะภายในและภายนอก มีฝั่งละ ๖ อย่าง ตัวหลักที่เป็นเหตุให้เกิดกิเลสคือ จิตและธรรมารมณ์ พูดง่าย ๆ คือจิตเก็บอารมณ์หรือความคิดด้านกิเลสไปนึกคิด แล้วนักปฎิบัติส่วนใหญ่รวมทั้งตัวผมต้องเคยเจออารมณ์ที่จู่ ๆ อยากปรามาสพระรัตนตรัย หรือปกติเป็นคนไม่โกรธคน แต่อยากด่าคน อยากโกรธทั้ง ๆ ที่ไม่มีสาเหตุ อยากถามว่าถ้าอารมณ์ธรรมารมณ์ ที่จู่ ๆ อยากด่าพระหรืออยากโกรธเกิดขึ้น ถ้าสติเรารับรู้อารมณ์เลว ๆ นี้ทันที แล้วจิตไม่ไปเอาอารมณ์นั้นมาด่าหรือโกรธในใจ แล้วกำหนดรู้ลมหายใจแทน แปลว่าตอนนี้กิเลสเกิดไม่ได้ เฉาตายไปชั่วขณะใช่หรือเปล่าครับ แล้วจะทำอย่างไรไม่ให้อารมณ์ที่จู่ ๆ อยากปรามาสพระ หรืออยากโกรธพระ กำเริบครับ

๓. จากข้อสอง ทำให้ผมเห็นความสำคัญของการมีสติมาก เพราะปกติจิตจะไปฟุ้งซ่านกรรมชั่วในอดีตและฟุ้งในอนาคต แต่ถ้าสติเรามีความไวเท่าทันจิต สติจะสามารถหยุดจิตที่จะไปนึกถึงอดีตและอนาคตได้ ณ จุด ๆ นี้ผมเลยสงสัยว่าการฝึกมหาสติปัฏฐานสูตร คือการฝึกให้มีสติใหญ่ มีสติมาก สมมุติว่า ผมเดินอยู่ผมต้องเอาสติไปรับรู้ ๒ สิ่งขณะเดียวกัน ว่าตอนนี้เรากำลังหายใจเข้าหรือหายใจออก และเอาสติรับรู้อีกว่าตอนนี้เรากำลังก้าวเท้าซ้ายหรือเท้าขวา หรือเปล่าครับ หรือว่าทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ครับ และผมลองเอาสติไปรับรู้สองสิ่งนี้ ผมสับสนมากสติไม่ไวพอ แปลว่าผมต้องฝึกอีกเยอะใช่หรือเปล่าครับ

๓.๑ จากสามข้อแรกที่ว่ามา ผมอ่านวิปัสสนาญาณที่หลวงพ่อวัดท่าซุงสอนให้เอาบารมี ๑๐ กับสังโยชน์ ๑๐ มาวัดว่าเราอยู่จุดไหน และตรงวิปัสสนาญาณข้อเกือบจะสุดท้ายท่านให้พิจารณาปฏิจจสมุปบาท ท่านให้หาปลายเหตุมาหาต้นเหตุของการเกิดและจากต้นเหตุไปหาปลายเหตุของความทุกข์ ผมติดใจตรงข้อท้าย ๆ ที่ว่าด้วย
"เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี
เพราะสังขารเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี " อยากทราบว่าสังขาร ข้อนี้ภาษาไทยแปลว่า ความคิดใช่หรือเปล่าครับ แล้ววิญญาณในข้อนี้หมายถือเจตสิกคือการรับรู้ของจิต จะด้านดีหรือด้านชั่วใช่หรือเปล่าครับ ถ้าสังขารคือความคิด คนเราจะอย่างไรก็ต้องคิดอยู่แล้ว และสังขารเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ และวิญญาณก็เป็นสาเหตุให้เกิดนามรูปจนไปถึงความทุกข์ แปลว่าเราต้องฝึกให้สังขาร คิดพิจารณาเห็นโทษของการเกิด เห็นคุณของการไม่เกิดคือพระนิพพาน เพื่อทำลายอวิชชาที่เป็นปัจจัยให้เกิดสังขารจนไปถึงความทุกข์ ใช่หรือเปล่าครับ ถ้าผมเข้าใจตรงไหนผิดหลวงพ่อช่วยอธิบายทีครับ

และผมอยากทราบว่าสังขารุเปกขาญาณในระดับปุถุชนอย่างผมเวลาจะเอาธรรมของพระพุทธเจ้าไปเจออาการกระทบในสถานการณ์จริง
อย่างเช่นเวลากินอาหารหรือคุยกับเพศตรงข้าม ถ้าผมสักแต่ว่ากินโดยมีสติ และสักแต่ว่าคุยกับเพศตรงข้ามโดยมีสติ ไม่ได้ไปคิดหรือดำริในใจว่าอาหารนี่กรอบอร่อย เดี่ยวพรุ่งนี้ไปซื้อมากินอีกดีกว่า หรือคิดว่าเพศตรงข้ามคนนี้หน้าตาดี นิสัยดี ถ้าโสดเราจะได้จีบ อยากทราบว่าผมไม่ได้ไปจุดเชื้อเพลิงให้กิเลสได้กำเริบใช่ไหมครับ และยังเป็นสังขารุเปกขาญาณแบบปุถุชนอ่อน ๆ ใช่หรือเปล่าครับ เพราะผมรู้ใจตัวเองดีว่าถ้าผมเก็บไปคิดหรือนึกถึงผู้หญิงสวย ๆ กิเลสเกิดแน่นอน เลยพยายามไม่ไปคิดเวลาทำสมาธิ


๓.๒ และปัจจุบันผมอายุ ๒๑ พวกอารมณ์โกรธ หรือ โลภนี่รู้สึกไม่ยากในการละเพราะเห็นโทษภัยชัดเจน แต่บางครั้งอารมณ์ทางเพศ ต่อให้ผมจะกำหนดรู้ลมหายใจหรือจะเอาจิตดูจิต สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น ไม่ไปคิดต่อ แต่อย่างไรร่างกายมันก็ไม่เห็นด้วย ร่างกายยังคึกเพราะฮอร์โมน จิตยังพอใจในกามคุณอยู่เพราะผมไม่ได้เป็นพระอนาคามี แล้วลึก ๆ ผมก็อยากมีแฟนสวย ๆ แต่ก็ยังอยากจะทรงฌาน ๔ เพราะเคยได้ฌานแต่เสื่อม เลยรู้ว่าอารมณ์ความสุขจากฌานสุขมาก และบางครั้งผมคุยกับผู้หญิงที่กิเลสในใจผมรู้สึกพอใจในรูปร่างหน้าตาของผู้หญิงคนนั้น ก็พยายามจะจีบเธอ ผมเลยสงสัยว่าเวลาผมทำสมาธิเพื่อละนิวรณ์เพื่อจะได้ทรงฌาน ผมก็ใช้กำลังสติทั้งหมดจดจ่อกับลมหายใจเข้าออก แต่บางเวลาผมไม่ได้ทำสมาธิ แต่จะเอาสติไปใช้ในการทำงานต่าง ๆ เช่นจดจ่อกับการเรียนหนังสือ ทำงาน รวมทั้งเรื่องของโลกเช่นจีบสาว ดูหนัง อยากทราบว่าการกระทำแบบที่กล่าวมา คือผมยังพอใจในกามคุณทั้ง ๕ เพราะยังตัดสังโยงชน์เบื้องสูงไม่ได้ แต่ผมก็พยายามกำหนดรู้ลมหายใจเพื่อจะทรงฌาน ๔ เพื่อกำจัดนิวรณ์ให้หมดได้ทุกเมื่อตามใจนึกเพราะเห็นโทษของกามคุณทั้งหลาย และอยากถอดกายในไปพระนิพพานสักครั้งก่อนผมจะตาย พอจะเป็นไปได้ไหมครับ หรือว่าผมควรจะเปลี่ยนการกระทำอย่างเช่นไปบวช เพราะฆราวาสมีแค่ศีล ๕ แต่พระมีศีลเยอะกว่าโอกาสทำผิดแทบจะไม่มี และการปฎิบัติ อธิสมาธิ อธิปัญญา น่าจะง่ายกว่าฆราวาสเยอะ

๕.สังโยชน์เบื้องสูงตัวมานะ สมมุติว่าผมมีความมั่นใจว่าผมสามารถทรงอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ หรือสามารถเป็นพระอรหันต์ได้แบบท่านอื่น ๆ เพราะว่าท่านเหล่านั้นมีบารมี ๑๐ เต็ม ผมก็มีบารมี ๑๐ แต่ผมยังไม่เต็ม แต่มั่นใจว่าถ้าทำตามคำสั่งสอนของท่านอย่างไรสักวันบารมีเราก็เต็มเอง การคิดแบบนี้เป็นสังโยชน์ตัวมานะหรือเป็นกุศโลบายครับ และผมเคยอ่านจากเว็บวัดท่าขนุนที่หลวงพ่อเล่าว่า มีอิสลามท่านหนึ่งท่องหนังสือของศาสนาของเขาจนเกิดอภิญญาขึ้นมา สมมุติว่าผมมีความคิดว่า แหมเราเกิดมาในพระพุทธศาสนา มีพระพุทธเจ้าเป็นพระศาสดา มีหลวงปู่หลวงพ่อ ท่านก็สอนเรื่องอภิญญา ถ้าเราทำไม่ได้ เราขายขี้หน้าคนนอกศาสนาแน่ แล้วผมก็เอาความคิดนี้เป็นแรงผลักดันเพื่อสร้างอภิญญาขึ้นมา อยากทราบว่าความคิดที่ว่าเป็นมานะ หรือเปล่าครับ แล้วจำเป็นต้องแก้ไหม ถ้าผมในฐานะชาวพุทธไม่อยากให้คนนอกศาสนามาดีเด่นกว่าศาสนาพุทธที่เป็นอันที่รักของผม

๖.ผมสงสัยครับว่าถ้ามีคู่รักคู่หนึ่ง สามีพยายามทำสมาธิเพื่อจะทรงฌาน ๔ แต่ใน ๑ อาทิตย์สามีจะหลับนอนกับภรรยา ๒ - ๓ ครั้งอยากทราบว่าสามีมีโอกาสจะทรงฌาน ๔ หรือเปล่าครับ

๗.จากอาทิตย์ก่อนที่ผมถามหลวงพ่อว่าผมเล่นเกมหลายชั่วโมงแล้วเอาเวลามาทำสมาธิสัก ๑๐ นาที จะสามารถทรงฌานสมาบัติได้ไหม หลวงพ่อตอบว่าไม่ได้ ผมเลยกลับมาดูตัวเอง จิตผมไม่สามารถเข้าฌานเหมือนเมื่อก่อน เพราะมีนิวรณ์ตัวฟุ้งซ่านที่อยากจะได้ดีเหมือนสมัยหนุ่ม ๆ แล้วผมเลิกฟุ้งซ่านเลิกอยากและกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกอย่างเดียว แต่ก็นั่งได้ไม่นาน เหมือนสมัยหนุ่ม ๆ ที่จิตเข้าฌาน ๑ และสามารถนั่งสมาธิได้นานเป็นชั่วโมง เพราะใจมีปีติ ใจมีความเอิบอิ่มมีความสุขในความสงบ ณ ปัจจุบันผมก็นั่งสมาธิแต่ไม่ถึง ๑๐ นาทีก็อยากจะลุกขึ้นไปทำอย่างอื่นหรือหาอะไรอ่าน และผมลองหาเหตุผลดูทำไมนั่งไม่ได้นานเพราะว่า ขาดอาการปีติที่เป็นเหมือนอาหารหล่อเลี้ยงจิตให้นั่งสมาธิได้นาน แต่เวลาเล่นเกมผมกับมีปีติเล่นได้เป็นชั่วโมง หรืออ่านกระทู้ต่าง ๆ ในวัดท่าขนุน ก็สามารถอ่านติดต่อกันได้หลายชั่วโมงเพราะรู้สึกสนุกและพอใจ เหมือนกับว่าเราต้องหางานให้จิตเราจดจ่อแล้วต้องรู้สึกพอใจในสิ่งที่ทำถึงจะทำได้นาน ณ จุด ๆ นี้หลวงพ่อช่วยแนะนำทีครับ

๘.ตามที่หลวงพ่อเล่าเรื่องเกี่ยวกับ หมอไสยศาสตร์ที่หลวงพ่อเคยโดนรุม ๓๐ ต่อ ๑ ตัวกระผมอยากทราบว่าหลวงพ่อใช้คาถาอะไร แล้วต้องมีสมาธิเข้าฌานระดับไหนถึงจะสู้ชนะหมอไสยศาสตร์ตั้ง ๓๐ คน แล้วที่หลวงพ่อปล่อยผีกะเหรี่ยงไป ๓๐ กว่าตัวอยากทราบว่าหลวงพ่อปล่อยอย่างไรหรือครับ

๘.๑ ผมสงสัยมาก พวกหมอผีพวกนี้สามารถทรงฌาน เสกคาถาและทำของขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อท่านเหล่านี้นิวรณ์ ๕ ตัวโทสะยังเยอะอยู่และเจตนาทำสมาธิเพื่อจะมุ่งทำร้ายคนอื่นโดยเฉพาะ พระดี ๆ แบบหลวงพ่อ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-07-2018 เมื่อ 18:21
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นักเดินทางสังสารวัฏ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา