พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้งานก่อสร้างของวัดท่าขนุน ส่วนที่เป็นของใหม่ก็เกือบจะไม่มีแล้ว เหลืออยู่อย่างเดียวก็คือพิพิธภัณฑ์ ๑๐๐ ปี หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ซึ่งในส่วนนี้ก็ต้องรอหลังงานถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ จึงจะเริ่มมีความก้าวหน้าขึ้น เพราะว่าเจ้าหน้าที่ทั้งหมด โดนระดมไปช่วยทำพระเมรุมาศ
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ส่วนของค่าใช้จ่ายอย่างมากที่สุดก็คือ ๔๓ ล้าน ๒ แสนบาทต่อพิพิธภัณฑ์ เกินกว่านั้นก็เหลือหล่อหลวงพ่อนากกับหลวงพ่อทองคำ หลังจากนั้นแล้ว ส่วนที่เหลืออาตมาตั้งใจว่าจะตั้งเป็นกองทุน
ปัจจุบันนี้ทางวัดท่าขนุนมีกองทุนการศึกษาพระภิกษุสามเณร กองทุนการศึกษาระดับประถมศึกษา กองทุนการศึกษาระดับมัธยมศึกษา กองทุนการศึกษาระดับอุดมศึกษา ทั้ง ๔ อย่างนี้ ทั้งเพื่อพระภิกษุสามเณรในวัดและเด็กนักเรียนทั่ว ๆ ไป
มีกองทุนรักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณร สำหรับท่านที่เจ็บไข้ได้ป่วย ผ่าตัด ที่ต้องใช้บริการด้านนอกซึ่งมักจะเป็นเอกชน เจ็บป่วยขึ้นมาก็จะได้รักษาพยาบาลโดยไม่ต้องหนักใจ เพราะว่าวัดมีกองทุนอยู่
อย่างเมื่อปีที่แล้ว หรืออาจจะสองปี จำไม่ถนัด พระที่วัดตัดแว่น ๔ รูป ถ้าให้ไปตัดเองคงจะไม่ไหว เพราะว่าบางท่านสายตาย่ำแย่มาก ต้องใช้เลนส์พิเศษ ตัดแว่นเสร็จราคา ๒๗,๐๐๐ บาท ถ้าหากให้เขาตัดเองก็ไม่ไหว ครั้งนั้นตัดแว่นไป ๔ อัน อาตมาจ่ายไปหลายหมื่น ฉะนั้น ถ้าหากว่ามีกองทุนอยู่ ก็จะอำนวยความสะดวกให้กับพระภิกษุสามเณรได้"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2017 เมื่อ 18:12
|