ดูแบบคำตอบเดียว
  #164  
เก่า 08-07-2018, 08:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่างสิบหมู่ โบราณเขามีว่า ช่างกลึงพึ่งช่างชัก ช่างสลักพึ่งช่างเขียน แต่ช่างสลักบางคนเขียนลายเอง สวยมากด้วย ช่างรู้พึ่งช่างเรียน ช่างติเตียนไม่ต้องพึ่งใครเลย สุดยอดจริง ๆ จำได้ไหม ? ช่างกลึงพึ่งช่างชัก สมัยก่อนไม่มีไฟฟ้า แกนกลึงต้องเอาเชือกพัน ๆ แล้วก็ดึง พอดึงแล้วหมุนเร็ว ๆ อีกฝ่ายหนึ่งก็กลึงได้ เพราะฉะนั้น...ช่างกลึงสมัยก่อนต้องพึ่งช่างชัก

ในมหาสติปัฏฐานสูตรบอกว่า ลูกมือนายช่างกลึงผู้ฉลาด เมื่อชักเชือกกลึงยาวก็รู้ว่าชักเชือกกลึงยาว เมื่อชักเชือกกลึงสั้นก็รู้ว่าชักเชือกกลึงสั้น ฉันใดก็ฉันนั้น บุคคลที่ปฏิบัติในอานาปานสติ เมื่อหายใจเข้ายาวย่อมรู้ว่าหายใจเข้ายาว เมื่อหายใจเข้าสั้นย่อมรู้ว่าหายใจเข้าสั้น เมื่อหายใจออกยาวย่อมรู้ว่าหายใจออกยาว เมื่อหายใจออกสั้นย่อมรู้ว่าหายใจออกสั้น

ในเมื่อช่างกลึงพึ่งช่างชัก ช่างสลักพึ่งช่างเขียน แกะสลักจะสวยก็ต้องพึ่งช่างเขียนลาย แต่เดี๋ยวนี้เห็นช่างแกะสลักเก่ง ๆ เขามีแบบร่างไว้ในใจ เขาหลับตาแกะได้เลย เขาร่างแบบอยู่ในใจของเขาแล้ว พูดง่าย ๆ ว่ามีความคล่องตัวจนเป็นวสี มีภาพอยู่ในใจตัวเอง ถึงเวลาก็แกะได้เลย

ช่างรู้พึ่งช่างเรียน อยากรู้ต้องขยันเรียน ที่เขาบอกว่าอยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน เรื่องของความขยันนี่ทดแทนพรสวรรค์ได้ จัดเป็นพรแสวง คือมีความพยายามสูงแล้วก็สำเร็จ แต่ช่างติเตียนไม่ต้องพึ่งใครเลย เป็นเองโดยธรรมชาติ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2018 เมื่อ 11:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 101 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา