พุทธศักราช ๒๕๔๒ กลางปี ขณะเรียนวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร วปอ. รุ่น ๔๒ อาการกระดูกทับเส้นประสาทกำเริบ จะด้วยแรงกรรมอันใดก็ตามเป็นเหตุปัจจัยให้พบวิบาก พรรคพวกแนะนำหมอจีนรักษา ก่อนเดินทางไปศึกษาดูงานต่างประเทศไปคุนหมิง ประเทศจีน หมอจีนได้ให้กินยาเม็ดสีดำ ๒ เม็ด ไปถึงคุนหมิงยาออกฤทธิ์ทำให้อาเจียน ถ่ายท้องตลอด ๕ วันที่ดูงาน กินอะไรไม่ได้ ในปาก ลำคอ ลำไส้และกระเพาะเป็นแผล ภายใน ๔ วันน้ำหนักลดลง ๑๒ กิโลกรัม แม้แต่น้ำยังดื่มไม่ได้ มีกลิ่นเหม็นเหมือนน้ำแช่ของเน่า
เดินทางกลับมาถึงประเทศไทยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลศิริราช ๑๕ วัน ในลำคอมีเชื้อแบคทีเรีย กินอาหารที่เป็นพวกแป้งเคี้ยวแล้ว จะแข็งเป็นหิน แม้แต่หมอเองก็ไม่เข้าใจว่าเป็นโรคอะไร? เป็นอาการที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ได้โรคใหม่มาอีกโรคได้แก่ โรคเบาหวาน หมอบอกว่าตับถูกทำลาย ๓๐% หากเข้าโรงพยาบาลช้า ๑๕ นาทีคงตายไปแล้ว น้ำที่ดื่มได้ในตอนนั้นเป็นน้ำโซดาสิงห์ นอกนั้นจะเหม็นเน่า
ตับถูกทำลายจากยาจีน ๒ เม็ดที่กินเข้าไป ที่บอกไว้ตอนนั้นว่ารักษาโรคหนึ่งแถมอีกโรคหนึ่งเรียกว่า กรรมกำหนด ในช่วงแรกหมอคิดว่าเป็นเอดส์ พยาบาลใส่ถุงมือกันหมด ได้เจาะเลือดไปตรวจแล้วไม่ใช่ พยาบาลจึงถอดถุงมือ ยังได้ถามว่า ทำไมไม่ใส่ถุงมือ พยาบาลตอบว่า ปลอดภัย ไม่ใช่โรคเอดส์ ตอนต้นคิดว่าใช่ อาการเหมือนกัน ข้าพเจ้ายังคิดตลก หากเป็นก็แย่แล้วไม่เคยเที่ยวสำส่อน
|