ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 18-08-2010, 06:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,669 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อคนสมัยก่อนมีความสามารถ ศาสนาอื่นที่ลงรากปักฐานมาก่อนศาสนาพุทธมีเป็นจำนวนมากและคนเคารพเชื่อถือ ศาสนาพุทธก็ยังสามารถที่จะเบียดแทรกและเจริญเติบโตขึ้นมาเป็นหนึ่งในศาสนาหลักได้

แต่ในปัจจุบันถ้าความสามารถของเรายังไม่พอ ไม่สามารถจะพิสูจน์ให้คนอื่น ศาสนาอื่นหรือบุคคลที่มากล่าวตู่พระพุทธศาสนา ได้รู้เห็นและแจ้งชัดในหลักธรรมของพระพุทธเจ้า หรือความสามารถที่พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ ศาสนาของเราจะง่อนแง่นและอันตรายมาก

เราจะไปภูมิใจว่าประชากรประมาณ ๙๐ เปอร์เซ็นต์ของเรานับถือศาสนาพุทธ อย่าลืมว่า"เราเป็นพุทธแต่ทะเบียนบ้าน"กันเยอะมาก ส่วนที่เหลืออาจจะ ๕๐-๖๐ เปอร์เซ็นต์ บางคนพอถึงเวลาบอกว่าผมนับถือศาสนาพุทธ แต่งัดปลัดขิกออกมาโชว์ ซึ่งความจริงคือศิวลึงค์ของศาสนาพราหมณ์

เพราะฉะนั้น..เราจะต้องทราบด้วยว่าอะไรเป็นอะไร ไม่อย่างนั้นประกาศว่าเราเป็นศาสนาพุทธ แต่พกปลัดขิกสามสี่ตัวรอบเอว ถ้าอย่างนี้ศาสนาอื่นก็โจมตีเราได้ว่าไม่ใช่พุทธแท้ ขณะเดียวกันศาสนาพุทธสอนอะไรยังไม่รู้เลย ยังมีการหลงงมงาย เป็นต้น

ที่กล่าวมานี้สรุปได้ว่า พวกเราต้องใช้ความพยายามให้มากกว่านี้ เพราะว่าสิ่งที่เราทำอยู่ ปฏิบัติอยู่ ตัวเราเองยังไม่พออาศัยเลย แล้วจะไปให้คนอื่นอาศัยได้อย่างไร เราต้องทุ่มเทชนิดตายเป็นตาย ทำให้เกิดผลให้ได้ ถ้าเกิดผลเมื่อไร คราวนี้เราก็พูดได้เต็มปากเต็มคำ ว่าเรานับถือศาสนาพุทธ เพราะว่าเราเห็นดีเห็นงาม เห็นคุณค่าของพระศาสนาจริง ๆ แล้ว

ไม่ใช่เรานับถือศาสนาพุทธแค่ตามทะเบียนบ้าน หรือเรานับถือศาสนาพุทธตามพ่อแม่ปู่ย่าตายาย แต่ว่าเรานับถือศาสนาพุทธเพราะเราเห็นคุณประโยชน์ เห็นความดีของศาสนาพุทธจริง ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2015 เมื่อ 19:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 108 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา