ในเมื่อคนสมัยก่อนมีความสามารถ ศาสนาอื่นที่ลงรากปักฐานมาก่อนศาสนาพุทธมีเป็นจำนวนมากและคนเคารพเชื่อถือ ศาสนาพุทธก็ยังสามารถที่จะเบียดแทรกและเจริญเติบโตขึ้นมาเป็นหนึ่งในศาสนาหลักได้
แต่ในปัจจุบันถ้าความสามารถของเรายังไม่พอ ไม่สามารถจะพิสูจน์ให้คนอื่น ศาสนาอื่นหรือบุคคลที่มากล่าวตู่พระพุทธศาสนา ได้รู้เห็นและแจ้งชัดในหลักธรรมของพระพุทธเจ้า หรือความสามารถที่พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ ศาสนาของเราจะง่อนแง่นและอันตรายมาก
เราจะไปภูมิใจว่าประชากรประมาณ ๙๐ เปอร์เซ็นต์ของเรานับถือศาสนาพุทธ อย่าลืมว่า"เราเป็นพุทธแต่ทะเบียนบ้าน"กันเยอะมาก ส่วนที่เหลืออาจจะ ๕๐-๖๐ เปอร์เซ็นต์ บางคนพอถึงเวลาบอกว่าผมนับถือศาสนาพุทธ แต่งัดปลัดขิกออกมาโชว์ ซึ่งความจริงคือศิวลึงค์ของศาสนาพราหมณ์
เพราะฉะนั้น..เราจะต้องทราบด้วยว่าอะไรเป็นอะไร ไม่อย่างนั้นประกาศว่าเราเป็นศาสนาพุทธ แต่พกปลัดขิกสามสี่ตัวรอบเอว ถ้าอย่างนี้ศาสนาอื่นก็โจมตีเราได้ว่าไม่ใช่พุทธแท้ ขณะเดียวกันศาสนาพุทธสอนอะไรยังไม่รู้เลย ยังมีการหลงงมงาย เป็นต้น
ที่กล่าวมานี้สรุปได้ว่า พวกเราต้องใช้ความพยายามให้มากกว่านี้ เพราะว่าสิ่งที่เราทำอยู่ ปฏิบัติอยู่ ตัวเราเองยังไม่พออาศัยเลย แล้วจะไปให้คนอื่นอาศัยได้อย่างไร เราต้องทุ่มเทชนิดตายเป็นตาย ทำให้เกิดผลให้ได้ ถ้าเกิดผลเมื่อไร คราวนี้เราก็พูดได้เต็มปากเต็มคำ ว่าเรานับถือศาสนาพุทธ เพราะว่าเราเห็นดีเห็นงาม เห็นคุณค่าของพระศาสนาจริง ๆ แล้ว
ไม่ใช่เรานับถือศาสนาพุทธแค่ตามทะเบียนบ้าน หรือเรานับถือศาสนาพุทธตามพ่อแม่ปู่ย่าตายาย แต่ว่าเรานับถือศาสนาพุทธเพราะเราเห็นคุณประโยชน์ เห็นความดีของศาสนาพุทธจริง ๆ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2015 เมื่อ 19:34
|