"อาจารย์เซ็นถามลูกศิษย์ว่า "เสียงของการตบมือข้างเดียวคืออะไร ?" ลูกศิษย์คิดจนหัวแทบแตก ตอบเท่าไรก็ยังไม่ใช่ ท้ายสุดวันนั้นลูกศิษย์เข้ามาถึง อาจารย์ก็ถามว่าตกลงคำตอบคืออะไร ? ลูกศิษย์ก็ชักแหง็ก ๆ หงายผลึ่งลงไปเลย ลูกศิษย์ถามว่า "คำตอบนี้ใช่ไหมครับ ?" อาจารย์หยิบไม้ฟาด "ไอ้ระยำ..คนตายแล้วพูดได้หรือวะ..!"
คำตอบเกือบจะถูกแล้ว เพียงแต่ว่าเขาต้องการรู้มากเกินไป ถ้าทำไม่รู้ไม่ชี้เสียหน่อย นอนเฉยต่อไป คำตอบก็ถูกต้องแล้ว เพราะเสียงตบมือข้างเดียวก็คือไม่มีเสียง แต่คราวนี้เขาไม่สามารถจะแสดงออกมาได้ ความจริงถ้าอาจารย์ถามแล้วลูกศิษย์หุบปากเงียบ ก็ถูกตั้งแต่แรกแล้ว
ดังนั้น..วิธีการกระตุ้นให้ตื่นรู้ ถ้าหากว่าสว่างโพลงขึ้นในใจ ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า "ซาโตริ" การรู้ฉับพลัน ซาโตริก็ยังมีการตีความไปหลายแบบ รายหนึ่งก็บอกว่า แต่ละคนในชีวิตจะเกิด ซาโตริ คือ การรู้ฉับพลันได้ครั้งเดียว แต่ปรากฏว่ามีอาจารย์เซ็นท่านหนึ่ง ท่านมีชื่อเสียงมาก ท่านบอกว่าท่านซาโตริจนนับครั้งไม่ถ้วน
ความจริงถูกทั้งคู่ บุคคลที่เข้าถึงมรรคผลเลย การรู้ฉับพลันทำให้ได้มรรคได้ผลนั้น ก็แปลว่าครั้งเดียว แต่ว่าบุคคลที่ครุ่นคิดในหัวข้อธรรมต่าง ๆ แล้วรู้กระจ่างขึ้นมาเอง ก็สามารถรู้ได้ในทุกหัวข้อนั้น ขึ้นอยู่กับวิธีการปฏิบัติว่าเป็นอย่างไร ลองคิดในเรื่องของอริยสัจ ในเรื่องของทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค พอได้คำตอบมาก็กลายเป็นซาโตริในหัวข้อธรรมนั้น ๆ
เพราะฉะนั้น..คิดกี่ครั้งก็ได้เท่านั้นครั้ง แต่อีกสายหนึ่งก็บอกว่าได้ครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น หมายเอาการบรรลุมรรคผลไปเลย ถ้าอย่างนั้นก็บรรลุได้ครั้งเดียว ไม่สามารถที่จะบรรลุได้ใหม่ นอกจากจะบรรลุในขั้นสูงกว่าขึ้นไปเท่านั้น"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 22-01-2019 เมื่อ 16:07
|