พระอาจารย์กล่าวว่า "เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นว่าพวกเรามีศักยภาพถึงระดับที่จะบรรลุมรรคผลได้ แต่ก็หาคนที่ปฏิบัติเพื่อบรรลุมรรคผลจริง ๆ จัง ๆ น้อยมาก โดยเฉพาะว่าแค่การพัฒนาศักยภาพของตนเองเพื่อให้อยู่ในโลกนี้อย่างมีความสุขก็ยังไม่ค่อยจะทำกัน
ส่วนใหญ่ก็ครึ่ง ๆ กลาง ๆ สะเทินน้ำสะเทินบก ดีก็ดีไม่ทั่ว ชั่วก็ชั่วไม่หมด ไม่รู้ว่าจะเลี้ยวไปทางไหนดี ประเภทนี้ก่อนตายจะลำบาก ลำบากตรงที่ว่ากำลังใจยังไม่แน่ว่าจะเกาะอะไร คราวนี้ก็รอลุ้นว่าจะมีใครมารับหรือเปล่า ? ถ้าไม่มีใครมารับก็ไปตรงเลย แสดงว่าไปตามยุคสมัย เพราะสมัยนี้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ก็นิยมรับตรง...!
พวกเราส่วนใหญ่ปฏิบัติธรรมแบบคนมีเวลามาก คำว่ามีเวลามากก็คือ เอาไว้ค่อยทำก็ได้ ในเมื่อไม่ทุ่มเทจริงจัง โอกาสที่จะได้อะไรชนิดเห็นหน้าเห็นหลังก็เป็นเรื่องที่ยาก แล้วก็ได้แต่ไปชมสมบัติเศรษฐีของคนอื่น ว่าคนนั้นทำแล้วดีอย่างนั้น คนนี้ทำแล้วดีอย่างนี้ แต่ตัวเราเองไม่มีอะไรดีที่จะอวดเขาได้ ต้องลองนึกถึงคำพิจารณาของพระที่ว่า คุณวิเศษของเรามีหรือไม่ ? เพื่อจะได้ไม่เก้อเขินเมื่อเพื่อนสหธรรมิกไต่ถาม"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-09-2018 เมื่อ 02:41
|