เมื่อเราสะสมความดีไปเรื่อย ๆ ลักษณะอย่างนี้ พอความดีมากขึ้นจนถึงระดับหนึ่ง ก็จะถึงจุดสิ้นสุด ก็คือ เราจะทำดีเพราะว่าเราเห็นว่าสิ่งเหล่านี้ดีเราถึงทำ ขณะเดียวกัน เราละชั่วเพราะรู้ว่าสิ่งเหล่านี้ชั่วเราจึงละ กลายเป็นบุคคลที่ไม่ติดทั้งดีทั้งชั่วแล้ว สภาพจิตของเราก็สามารถที่จะหลุดพ้นไปสู่พระนิพพานได้
ทั้ง ๆ ที่เจตนาเดิมของเราต้องการแค่เปลี่ยนอิริยาบถของการปฏิบัติธรรมเท่านั้น แต่ในเมื่อเราไปกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตาม โดยเฉพาะการทำความสะอาดวัดวาอารามหรือทำความสะอาดบ้าน หรือทำงานทำการเฉพาะหน้าของตน แล้วเราใส่สติไปอยู่เฉพาะหน้า อยู่กับอารมณ์ปัจจุบัน
จิตใจที่ไม่มีการปรุงแต่งเป็น รัก โลภ โกรธ หลง จึงเกิดเป็นกุศลมหาศาล ต่อให้ท่านไม่หลุดพ้น ถ้าหากว่าทำเป็นประจำ ๆ จนจิตทรงเป็นฌาน สิ่งที่เราเห็นว่าเป็นการทำความสะอาดเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ นั้น สามารถส่งให้ท่านไปเกิดในสุคติได้ทุกระดับ
ตั้งแต่ระดับของเทวดานางฟ้าก็ดี ระดับของพรหมในชั้นต่าง ๆ ก็ดี หรือตลอดจนกระทั่งถ้าหากท่านเข้าถึงสภาพหมดกิเลสบางระดับคืออนาคามีผล ก็สามารถที่จะไปอยู่ในสุธาวาสพรหม หรือหากว่าสภาพจิตของท่านพ้นจากความดีความชั่ว ก็หลุดพ้นไปพระนิพพานได้เลย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-01-2011 เมื่อ 18:03
|