ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 22-10-2012, 20:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕

ขอให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดความรู้สึกทั้งหมดของเราอยู่ที่ลมหายใจเข้าออกเฉพาะหน้า หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา ใช้คำภาวนาตามที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕ ในการปฏิบัติธรรมวันนี้ จะกล่าวถึงกิเลสหยาบซึ่งกั้นเราไม่ให้เขาถึงสมาธิระดับสูง นั่นก็คือนิวรณ์ ๕

พวกเราจะสังเกตได้ว่า เราตั้งใจภาวนาเมื่อไร กำลังใจของเราก็มักจะหนีไปที่อื่น ไม่ได้อยู่กับลมหายใจเข้าออก ไม่ได้อยู่กับคำภาวนาเฉพาะหน้า กว่าหลายท่านจะรู้ตัวก็ไปฟุ้งซ่านกับเรื่องอื่นเสียใหญ่โตไปแล้ว ก็เพราะว่าเรายังสู้กำลังของนิวรณ์ ๕ ไม่ได้

นิวรณ์ทั้ง ๕ นั้นประกอบไปด้วยกามฉันทะ คือ ความพอใจในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศ เผลอเมื่อไรเราก็จะโดนดึงกลับไปหาสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ โดยเฉพาะเรื่องของราคะ โลภะ โทสะ โมหะ มักจะมีลีลาในการหลอก ในการล่อ ลวงให้เราหลงตามไปได้ง่าย โดยเฉพาะความยึดติดที่เรียกว่า "ติดใจ"

อย่างเช่นว่าเห็นรูปสวยแล้วติดใจ ได้ยินเสียงเพราะแล้วติดใจ ได้กลิ่นหอมแล้วติดใจ ได้รสอร่อยแล้วติดใจ ถูกต้องสัมผัสระหว่างเพศแล้วติดใจ ในเมื่อติดใจ ถึงเวลาสภาพจิตใจก็จะวิ่งไปหาสิ่งนั้น เพราะว่าผูกพันยึดติดกันอยู่ เราต้องมีกำลังเพียงพอ จึงสามารถฉุดรั้งไม่ให้สภาพจิตของเราไหลไปหาสิ่งที่เคยชิน ไหลไปหาสิ่งที่ยึดติด ซึ่งก็คือต้องสร้างสมาธิภาวนาให้เกิดให้ได้ ถ้าสมาธิภาวนาไม่ทรงตัว กำลังของเราจะไม่มีวันเพียงพอที่จะสู้กิเลสเหล่านี้ได้เลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2012 เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 72 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา