อาตมาเองก็โดนไป ๒ เดือนกว่า เฉพาะโอกกันติกาปีติ ดิ้นตึงตังโครมคราม หกคะเมนตีลังกาไปเรื่อย ๆ พอตั้งใจจะนอน เอนตัวลงจิตเริ่มเป็นสมาธิก็ดิ้นตึง ๆ อยู่บนเตียง แต่เนื่องจากอาตมาเป็นคนช่างสังเกต จึงเห็นว่าแม้ว่าร่างกายจะดิ้นตึงตังโครมคราม แต่สภาพจิตของเราสงบเยือกเย็นมาก สามารถกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก พร้อมกับคำภาวนาได้อย่างชัดเจนมาก จึงไม่ได้กังวลอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ตามดูตามรู้แต่ลมหายใจเข้าออกของตน ขนาดนั้นยังเป็นอยู่เกือบ ๓ เดือน
ดังนั้น ถ้าท่านทั้งหลายมีอาการปีติอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ถ้าปล่อยให้เต็มที่ก็จะก้าวข้ามไปได้ เมื่อผ่านจากปีติแล้ว สภาพจิตก็จะเกิดความสุขเยือกเย็น และก้าวเข้าสู่อัปปนาสมาธิ ก็คือปฐมฌาน
ท่านที่เป็นคนใหม่ ถ้าเกิดอาการทั้งหลายที่ว่ามา ขอให้ทุกคนเลิกกลัว เพราะว่าเราใกล้ความดีเป็นอย่างยิ่งแล้ว ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ ให้ดูลมหายใจเข้าออก ถ้ามีคำภาวนาอยู่ให้ดูคำภาวนาต่อไป ร่างกายจะเกิดอาการอย่างไรก็ตาม จะเห็นว่าสภาพจิตของเราสงบนิ่งเยือกเย็นมาก เมื่อปล่อยให้เต็มที่ เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก็จะก้าวผ่านไปเอง แล้วจะสามารถทรงฌานได้อย่างที่ปรารถนา เมื่อทุกคนรู้แล้ว ก็อย่าได้พลาดอีก ถึงเวลาปล่อยให้เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ อย่าไปอับอายขายหน้าคนอื่น ถ้ามัวแต่อายเขา เราก็ก้าวเข้าไม่ถึงความดีสักที
ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๙
(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกา)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-06-2016 เมื่อ 02:18
|