ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 23-06-2016, 15:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,831 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เป็นอาการที่สมาธิเริ่มทรงตัวใกล้จะเป็นฌาน เนื่องจากว่าก่อนที่จะปฏิบัติกรรมฐาน เราสมาทานแล้วว่า ขอมอบกายถวายชีวิตแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่พอเกิดเหตุแปลก ๆ ขึ้นกับร่างกาย เราก็กลัวทุกที หลายรายก็หยุดการปฏิบัติไปเลย เป็นที่น่าเสียดายที่ไปกลัวความดีที่จะเกิดขึ้น

ปีติที่เกิดขึ้นนั้น ท่านอรรถกถาจารย์เปรียบเทียบไว้ว่า เหมือนอย่างกับพ่อแม่ทิ้งลูกไว้บ้าน ตนเองไปทำไร่เสียทั้งวัน หรือเข้าเมืองเข้าตลาดไปทั้งวัน เมื่อกลับมาในตอนค่ำ ลูก ๆ เห็นก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจว่าพ่อมาแล้ว แม่มาแล้ว บางคนก็ร้องไห้โฮไปเลยก็มี อาการปีติก็ลักษณะเดียวกัน

เนื่องจากว่าในอดีตจิตของเราเคยสงบมาในช่วงหนึ่ง หรือชาติใดชาติหนึ่ง เมื่อถึงเวลาสภาพจิตของเรากลับไปสงบเหมือนเดิม เกิดความคุ้นเคย ก็เกิดอาการปีติต่าง ๆ ทั้ง ๕ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นมา วิธีแก้ไขก็คือ ต้องปล่อยให้ปีตินั้นเกิดขึ้นอีกอย่างเต็มที่ไปทีเดียว ไม่เช่นนั้นแล้วถ้ามัวแต่ไปกลัวอายคนอื่นอยู่ ถึงเวลาไปบังคับให้หยุด ก็จะหยุดได้ทันที แต่ถ้ากำลังใจทรงตัวจนถึงระดับนั้นเมื่อไร อาการต่าง ๆ ก็จะเกิดขึ้นอีก จึงมีวิธีเดียวที่จะก้าวข้ามไปได้ก็คือ ปล่อยให้ปีติเกิดขึ้นอย่างเต็มที่ บางคนก็ข้ามวันข้ามคืน บางคนก็หลาย ๆ วัน หลาย ๆ เดือน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา