“พระธุดงค์ที่เข้าป่ามักจะมีประสบการณ์อย่างนี้อยู่มาก มีอยู่รายหนึ่งต้องปีนต้นไม้ลง เพราะว่ามีโยมในป่านิมนต์ไปทำบุญ ดันไปหวังดีปรารถนาดีอีท่าไหนไม่รู้ ไปสวดภาณยักษ์เข้า ท่านบอกว่าเรือนชานบ้านช่องหายหมดเลย ตัวเองนั่งอยู่บนคาคบต้นยาง..!
แล้วต้นยางสูงจากพื้นเกือบ ๓๐ เมตร โตตั้ง ๓-๔ คนโอบ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ท้ายสุดต้องยอมสละจีวรตัวเอง ฉีกจีวรเป็น ๓ ชิ้นแล้วต่อกัน เสร็จแล้วก็เอากระติกน้ำมาผูกปลายจีวร แล้วเหวี่ยงอ้อมต้นไม้ จนกระทั่งสามารถจับปลายสองข้างได้ ก็รั้งข้อมือตัวเองทำเป็นบ่วงแล้วค่อย ๆ ไต่ลงมา เพราะว่าต้นไม้ตรงแหน็ว ไม่มีกิ่ง ไปมีกิ่งอยู่บนยอด ถ้าท่านไม่มีสติแล้วไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ก็มีสองอย่าง ไม่ตกลงมาตาย ก็คงจะอดตายอยู่บนนั้นแหละ..!
ดังนั้น..เวลาสวดมนต์ในป่า อย่าไปสวดบทภาณยักษ์ภาณพระ ไปสร้างความสุขความเจริญให้ชาวบ้านก็จริง แต่ผีเขาอยู่ไม่ได้ ...(หัวเราะ)… ถึงเวลาเขาไป บ้านหายไปกลายเป็นต้นไม้ตามเดิม
หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยเล่าเรื่องผีทำบุญนี่แหละ ท่านบอกว่าเขาก็นิมนต์พระทำบุญตามปกติ ถึงเวลาพระไป ก็เป็นเรือนชานบ้านช่อง มีบันไดขึ้นบ้าน มีอะไรเหมือนปกติ แต่ผิดปกติตอนสวดถึงบทวิรูปักเขฯ “วิรูปักเขหิ เม เมตตัง เมตตัง เอราปะเถหิ เม ฯ” ท่านบอกว่าชาวบ้านลุกขึ้นรำกันทั้งบ้านเลย ไม่รู้ว่าจังหวะมันมากหรืออย่างไร..!”
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2019 เมื่อ 03:33
|