ชื่อกระทู้: อัศจรรย์โลกใบนี้
ดูแบบคำตอบเดียว
  #203  
เก่า 18-01-2011, 08:30
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,554 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

จิตสงบอยู่กับอารมณ์นั้นทุกเวลา ไม่หวั่นไหว มีความหนักแน่น มีความมั่นคง มีการสถิต มีการรักษา มีการเฝ้าดูแล มีความระมัดระวัง มีการเฝ้าตาม หมั่นเตือนจิตของตนเอง เฝ้าอบรม สั่งสอน บอกกล่าว อยู่เป็นเนืองนิตย์ ทำซ้ำ ๆ จนเชื่อง จิตจะสิ้นสงสัย จะอยู่กับพระพุทธะ พระพุทธองค์จะอยู่คู่จิตเรา ความสันติสุขจะบังเกิดในตัวเรา ไม่ไปอยู่กับผู้อื่น ไม่ไปอยู่กับใคร ๆ ทั้งสิ้น พุทธะจะอยู่เฉพาะในที่สะอาดเท่านั้น อยู่กับสัตบุรุษคือ อยู่กับคนดีมีปัญญา

สัตบุรุษเป็นผู้ยึดถือธรรมอยู่ ๗ ประการ

๑. เป็นผู้รู้เหตุ
๒. เป็นผู้รู้ผล
๓. เป็นผู้รู้จักตน
๔. เป็นผู้รู้จักบุคคล
๕. เป็นผู้รู้กาลเทศะ
๖. เป็นผู้รู้จักชุมชน
๗. เป็นผู้รู้จักประมาณ


ถ้าหากสัตบุรุษนั้นมีธรรมแห่งความสำเร็จได้แก่ อิทธิบาท ๔ ย่อมส่งผลแห่งการบรรลุถึงความเป็นพุทธะ เมื่อมีฉันทะหนึ่ง วิริยะหนึ่ง มีจิตตะหนึ่ง มีวิมังสาหนึ่ง จิตย่อมตระหนักในเหตุผล ดับอวิชชา (โมหะ) ความไม่รู้ให้หมดสิ้นไป โลภะ โทสะ ก็จะดับสูญ จิตเป็นอิสระ มีเสรีภาพ อยู่บนเงื่อนไขของความสงบ เป็นยอดคน เหนือคน เหนือตนไม่เป็นเดนคน (ให้ดูข้อเขียนยอดคน เหนือคน เหนือตน) นำหลักมาพิจารณาปฏิบัติคอยเตือนตน แล้วจะบังเกิดอัศจรรย์ขึ้นในดวงจิต เราจะเข้าใจว่า น่าเสียดาย เราโง่เสียนาน หลับอยู่แสนนาน บัดนี้เราตื่นแล้ว เรายังโชคดีที่ยังไม่สาย เราพ้นกรรมได้แล้วเพราะเราตื่นขึ้นมาอยู่กับพระพุทธองค์


อยู่ในกระแสธรรมที่พระองค์ทรงสอน ทรงบอก ทรงชี้แนะ ทรงจำแนก ทรงชี้นำ ทรงชี้ทาง ทรงกระทำให้ดู ทรงเสียสละ ทรงชี้คุณทรงชี้โทษ *ทรงเมตตาชี้แสงสว่างแห่งปัญญา* ทรงแก้ปริศนาให้สัตว์โลกพ้นทุกข์ พบสุขนิรันดร์ นับเป็นคุณแก่สัตว์โลก


พระพุทธองค์เป็นผู้เปิดโลกนี้ให้สว่างไสว ส่องแสงสว่างเข้าในจิต กระแสธรรมคือกระแสจิต กระแสจิตคือกระแสความคิด (อารมณ์) กระแสความคิดคือกระแสชีวิต กระแสชีวิตคือกระแสกรรม กระแสกรรมคือกระแสวิบาก วิบากคือกระแสผลของการกระทำกรรมดี กรรมชั่ว ล้วนเรียกกรรมทั้งสิ้น *เป็นวงจรของวัฏฏะการเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์โลกไปสู่ภพตามกฎของดีชั่ว*


มีชาติการเกิดรองรับเสวยผลภายหน้า ชาติหน้าต้องการไปดีต้องทำแต่ชาตินี้ ต้องลงมือกระทำทันที กระทำเดี๋ยวนี้ วินาทีนี้ กระทำด้วยตนเอง พึ่งใครไม่ได้ ผู้อื่นเพียงชี้ทาง หากเราไม่เดินตามก็คงไม่ถึงที่ตั้งเจตนาไว้ อย่ามัวรอเวลา อย่ามัวรอผู้ใด อย่ามัวคอยใคร อย่ามัวลังเล อย่ามัวสงสัยไม่แน่ใจ ลงมือกระทำเลย กระทำทันทีที่คิดได้ อย่ารอช้า อย่ามัวร่ำไร อย่ามัวเงื้อง่าราคาแพง เวลามันสั้น เหลือไม่มาก วันนี้ได้ทำ พรุ่งนี้ไม่แน่ คิดได้ให้ลงมือทำเรียกว่า เวลาที่มารให้โอกาส รีบฉกฉวย รีบรับโอกาส อยู่ที่จิตเพียงตัวเดียว จิตเป็นนาย กายเป็นข้า จิตเอากายเอา จิตไม่เอากายไม่เอา

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-01-2011 เมื่อ 16:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 73 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา