"พวกเขาทำกันเป็นขบวนการ ถ้าเราพูดไปก็จะมีคนอ้างวาทกรรมว่าเป็นทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด คือคิดอย่างไรก็สมเหตุสมผล แต่เขาทำจริง ๆ ดูอย่างหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดปากน้ำไม่มีความผิด ศาลตัดสินยกฟ้อง แต่ไม่มีใครแก้ข่าว แต่ท่านเละไปแล้ว กลายเป็นท่านมีมลทินติดตัวไปตลอดชีวิต ทั้งที่ศาลตัดสินว่าไม่มีความผิดเลย
ขบวนการทั้งหลายเหล่านี้ช่วยกันกระหน่ำซ้ำเติม แต่ถ้าเป็นเรื่องดี ๆ เขาจะไม่พูดถึง จะไปรอกฎของกรรมเล่นงานก็ต้องรอจนเขาตาย รู้สึกว่าจะต้องทำใจ
ของหลวงพ่อวัดปากน้ำ รถยนต์ที่ซื้อมาเป็นรถหนีภาษี ซึ่งศาลตัดสินชัดเจนว่าถ้าคุณซื้อของหนีภาษีมาหนึ่งชิ้น ความผิดอยู่ที่คุณ หรืออยู่ที่คนขาย ? ถ้าคนไม่เอาของชิ้นนั้นมาขาย คุณจะไปซื้อจากไหน ? ศาลก็เลยยกฟ้อง แต่เมื่อยกฟ้องแล้ว ก็ไม่มีการแก้ข่าว พูดง่าย ๆ ว่า เล่นงานไปแล้ว ได้ผลตามความปรารถนาไปแล้ว ทำลายความเชื่อถือในท่านไปแล้ว
แล้วมีบอกไหมว่าทำไมยกฟ้อง ? มีบอกไหมว่าทำไมท่านไม่ผิด ? ดีที่ท่านเมตตามากบอกว่าอย่าไปเอาเรื่องเอาราวเขา เพราะเรื่องแบบนี้ปกติแล้วฟ้องกลับได้ หมิ่นประมาทต่อสาธารณชน ไปนึกถึงที่หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ ท่านไปวางรากฐานในต่างประเทศเอาไว้ ท่านบอกไว้ชัด ๆ เลยว่า ถ้าศาสนาพุทธในบ้านเราอยู่ไม่ได้ จะได้มีที่ให้เราไปกันได้ นั่นคือการมองเห็น วิสัยทัศน์ที่ยาวไกลเกินกว่าปกติชนจะเห็นได้ ถ้าไม่ได้พระระดับนั้น ก็ไม่มีทางหรอกที่จะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-12-2017 เมื่อ 02:33
|