สำหรับบางคนที่ถูกพระอาจารย์ตำหนิแรงบ้าง เบาบ้าง ต้องถือว่าเป็นผู้โชคดีแล้ว เพราะยังอยู่ในสายตา บางทีท่านอาจจะเห็นว่า ถ้าช่วยสะกิดตรงนี้ให้อีกนิด ก็จะทำให้คนนั้นมีกำลังใจที่ก้าวหน้าขึ้น แต่วิธีการที่ท่านจะช่วยสะกิดนั้นยากที่จะคาดเดา เพราะเป็นของเฉพาะบุคคล หากว่าเราจะทำอะไรถูกหรือผิดก็ตาม แล้วท่านกลับไม่มองไม่สนใจไยดีเลย อันนี้สิน่ากลัวมากกว่า
บางครั้งท่านเปรย ๆ ว่า เดี๋ยวนี้ใจมันจืด ๆ เหมือนคนใจดำ แต่ถึงอย่างไร ความเมตตาของท่านก็ยังล้นออกมาให้เรารับสัมผัสได้เสมอ
ถ้าเราถูกเลือกให้เป็นผู้เข้าสอบ ก็จงทำข้อสอบให้เต็มความรู้ความสามารถเถิด อย่าพยายามใช้คำว่า "สอบตกเดี๋ยวซ่อมได้" อะไรทำนองนั้น พระอาจารย์เองก็เตือนให้ระวังเสมอเรื่องของข้อทดสอบในรูปแบบต่าง ๆ แม้แต่ตัวท่านเองก็อาจจะเป็นเครื่องมือของมารในการเข้าทดสอบเราได้
ท่านว่า มารเขาเก่ง เขาจะใช้คนทุกคน หรือเรื่องทุกเรื่องที่จะทำให้เราหวั่นไหว และพ่ายแพ้ บางทีคนที่เรารักและบูชาที่สุดอาจทำให้เราเสียใจที่สุด แล้วในที่สุดเมื่อรู้ความจริงภายหลังก็สายเสียแล้ว
ดังนั้น..ความเป็นผู้มีสติจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด นักปฏิบัติบางคนที่ปฏิบัติมานาน แต่เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน กลับไร้สติ ทำอะไรไม่เป็นเลยก็มีมาก
จึงทำให้สรุปได้ว่า อย่าหวังพึ่งใครเลย ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ถ้าท่านชมก็อย่าเพิ่งดีใจ ถ้าท่านติก็อย่าเพิ่งเสียใจ พระอาจารย์พูดเสมอว่า ถ้าเรายังฟูหรือยังแฟบอยู่อย่างนี้ใช้ไม่ได้ พยายามรักษากำลังใจของเราให้ทรงตัวตลอดเวลายิ่งดี อย่าหวั่นไหวในโลกธรรม ใจจะเป็นสุข
ด้วยความปรารถนาดี
พระเมตตา
๓๐ ตุลาคม ๒๕๔๙
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
|