ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 28-01-2012, 12:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,023 ครั้ง ใน 33,959 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เหตุที่เป็นอย่างนี้เพราะว่า เรื่องของการทำความดี ก็เหมือนกับเราค่อย ๆ สะสมน้ำทีละหยด ทีละหยด นานไปก็ได้เต็มแก้ว เต็มขัน เต็มโอ่ง ก็จะมีอะไรอะไรให้คนอื่นได้เห็น แต่ในระหว่างที่เราสะสมอยู่ น้ำมาทีละเล็กทีละน้อย ยิ่งรอคอยก็เหมือนยิ่งช้า ทำให้เราดูเหมือนกับไม่ได้อะไร

ขอให้ทุกคนมองย้อนหลังไปว่า ก่อนที่เราจะเข้ามาปฏิบัตินั้นมีสภาพอย่างไร ? มีทาน มีศีล มีภาวนา สมบูรณ์ไหม ? แล้วปัจจุบันนี้เป็นอย่างไร ? ถ้ามองในลักษณะนี้ เราก็จะรู้ว่า ตอนนี้เราสะสมบุญกุศลของเราได้เท่าไรแล้ว ?

แต่ถ้ามองออกไปข้างนอก ดูคนที่เขามีความสำเร็จให้เห็นแล้ว ผมเคยพูดหลายครั้งว่า เหมือนกับไปชมสมบัติมหาเศรษฐี ดูให้ตายก็ยังเป็นสมบัติของเขาอยู่นั่นแหละ ต้องรีบเร่งสร้างสมบัติของตัวเองให้ได้ ทำความดีต้องทำแบบเอาชีวิตเข้าแลก

ถ้าหากว่าพวกท่านโดนอย่างผม ท่านอาจจะเลิกทำไปนานแล้ว ผมปฏิบัติภาวนาตั้งแต่เป็นนักเรียน เริ่มเรียนชั้นมัธยมก็ทุ่มเทให้กับการปฏิบัติ เพื่อน ๆ ตลอดจนกระทั่งครูทุกคนก็ว่าบ้า กลับมาบ้านพี่ ๆ น้อง ๆ ก็ว่าบ้า

เมื่อไปเรียนทหาร เพื่อนทุกคนเห็นก็ว่าบ้า ถ้าเป็นพวกคุณจะทนคำพูดของเขาได้ไหม ? จะสามารถทำหูทวนลมและมั่นใจในสิ่งที่เราทำได้ไหม ? ในเมื่อเรามั่นใจว่าสิ่งนี้ถูกแล้ว ทำไปต้องได้ผลดีแน่นอน แล้วเราจะไปหวั่นไหวกับคำพูดของคนอื่นทำไม ?

ถ้าหากว่าเราหวั่นไหวคล้อยตาม แล้วก็จะเลิกทำความดีไปอย่างน่าเสียดาย คนเราตราบใดที่ยังไม่หมดกิเลส หรือยังไม่สามารถที่จะทำกิเลสให้เบาบางลงได้ ตราบนั้น กาย วาจา ใจ ก็ยังเป็นทุกข์เป็นโทษกับคนอื่นเขาอยู่ ไม่มากก็น้อย

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ก็ต้องรีบทำ กาย วาจา ใจ ของเราให้ดีกว่านี้ อย่าถือความคิดเห็นของตนเองเป็นใหญ่ ให้ถือพระธรรมวินัยและศีลธรรมเป็นใหญ่ สิ่งใดก็ตามที่ผิดธรรม ผิดวินัย ผิดศีล เราไม่เอาด้วย

ถ้าหากว่าเรารักษาศีลด้วยชีวิต เราก็จะมีเกราะป้องกันตัวเอง อย่างไรเสียการปฏิบัติของเราก็ไม่พ้นออกไปจากแนวทางแน่นอน เพราะเรามีศีลเป็นกรอบอยู่

แต่ถ้าหากว่าเราทิ้งศีล ทิ้งการภาวนา กำลังที่จะสู้กิเลสก็ไม่มี กรอบที่จะป้องกันไม่ให้เราหลุดไปในทางที่ชั่วก็ไม่มี เราจะเอาตัวรอดไม่ได้ เวลาก็พอสมควรแล้ว ถ้าหากว่าท่านใดจะออกไปค้างที่วัดท่าขนุน ก็ให้บอกสัตตาหะตาม ๆ กันไป


--------------------------------------
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 28-01-2012 เมื่อ 14:54
สมาชิก 72 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา