ดูแบบคำตอบเดียว
  #211  
เก่า 15-11-2013, 12:02
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

บิณฑบาตได้ปลาร้าดิบ

“...เราได้พักอยู่ถ้ำอะไรลืมแล้วแหละ ตาคนหนึ่งเขาย้ายครอบครัวออกมาจากบ้านใหญ่มาอยู่ จะว่าตีนเขาก็ไม่ผิดละ ลงมาถึงที่นั่น ๓ กิโลกว่า บ้านใหญ่เขาจะ ๔ กิโลกว่าละ อันนี้มันติดของมันเองก็จำได้เอง

เขาว่า ‘ไหน..บิณฑบาตได้อะไรบ้างไหม ? ไหน..ขอดูบาตร’

พอเปิดดูบาตรขึ้นร้องก๊ากเลย ‘โอ๊ย ไม่มีอะไร เอ้า.. สูตำ’

เราขบขันจะตาย เขาก็ตำน้ำพริก แล้วก็เอาทัพพีไปตักเอาปลาร้าดิบในไหมาใส่ครก มีพริกมีอะไรใส่แล้วก็โขลก ‘ปุ๊บปั๊บ ๆ’ ‘เอา สูเร่ง’

เราก็ขบขันดีนะ ใส่ ‘ปิ๊งปั๊ง ๆ’ เสร็จแล้วก็ใส่ห่อ เอาใบตองมาห่อ พอห่อเสร็จแล้วก็มาใส่บาตร ก็เราเห็นอยู่นี่ ปลาร้าดิบจะฉันได้ ‘ยังไง’ เราไม่มีตาปะขาว ไม่มีเณร ไม่มีญาติโยมจะทำให้สุกได้ ‘ยังไง’ ก็รู้อยู่แต่เอาน้ำใจเขา ไม่ใช่อะไรนะ รออยู่นั้น

พอเสร็จแล้ว เขาก็เอามาใส่ ‘ปั้วะ’ ลงไป ‘เฮ้อ.. อย่างนี้ค่อยยังชั่วหน่อย’

เราไม่ลืมนะ เขาดีใจเขา เขาได้ใส่บาตร เขาไม่ได้คำนึงเรื่องของธรรมวินัยเรา แต่เรามีวินัย อะไรผิดวินัยก็รู้อยู่ แต่พูดก็จะเสียน้ำใจเขา เราเอาน้ำใจเขา มีอะไร ๆ ก็รับให้จะเป็นอะไรไป ใส่บาตร ‘ปุ๊บ’...

ปลาร้าที่แกตำใส่มามันเป็นปลาร้าดิบ เราก็อยู่คนเดียวในป่าจะทำสุกเองก็ไม่ได้ พระวินัยห้าม อันโตวุฏฐะ อันโตปักกะ สามปักกะ มีสาม คือท่านละเอียดลออ ไม่ให้นำอาหารไปเก็บไว้ภายใน เช่น ในกุฏิ อันโตวุฏะฐะ อันโตปักกะ สามปักกะ คือไม่ให้ทำสุกเอง ห้ามไม่ให้พระทำ เรื่องราวเป็นอย่างนั้น...”

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2013 เมื่อ 14:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา