ถ้ารู้สึกว่ากำลังใจหลุดไปที่อื่น เมื่อรู้ตัวก็ให้รีบดึงกลับมาที่คำภาวนาและลมหายใจเข้าออก ตลอดจนภาพพระของเรา ในการกำหนดภาพพระนั้น ก็อย่าเอาความชัดเจนเป็นหลัก อย่าเอารายละเอียด เพราะว่าใหม่ ๆ แค่สามารถกำหนดได้ว่ามีภาพพระอยู่กับเราก็ใช้ได้แล้ว จะเห็นหรือไม่เห็นไม่ใช่สาระ
สาระสำคัญก็คือกำหนดนึกถึงภาพพระได้ พอกำลังใจทรงตัวแล้ว ความชัดเจนจะค่อย ๆ มีขึ้น เป็นไปตามลำดับสมาธิที่ลึกขึ้นไปเรื่อย ๆ เมื่อถึงระดับนั้นรายละเอียดต่าง ๆ ก็จะมาเอง
ให้ทุกคนพยายามรักษากำลังใจเอาไว้เช่นนี้ เมื่อสมาธิคลายตัวออกมาก็หาวิปัสสนาญาณอย่างใดอย่างหนึ่งให้คิด ให้พิจารณา อย่างเช่นเห็นว่าร่างกายนี้ไม่เที่ยง เห็นว่าร่างกายนี้เป็นทุกข์ เห็นว่าร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา อย่างใดอย่างหนึ่ง แรก ๆ ให้คิดพิจารณาให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะละเอียดได้ ซักซ้อมทำไปบ่อย ๆ สภาพจิตมีความดื้อน้อยลง เมื่อถึงเวลาบอกว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา ไม่มีการเถียงอีก ไม่มีการต่อต้านอีก จึงนับว่าใช้ได้
ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านภาวนาและกำหนดการพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันศุกร์ที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2018 เมื่อ 19:50
|