ถาม : คนไทยไม่รักษาสมุนไพร ? ถึงกับเอาไปตรวจสอบทีละตัว แล้วประกาศว่าเกือบทั้งหมดเป็นพิษ ทั้งที่เวลาทำยา คนโบราณจะรู้ว่าจะฆ่าพิษก่อนอย่างไร อะไรเข้ากับอะไรแล้วจะมีสรรพคุณเป็นยา
ตอบ : ต้องบอกว่าคนสมัยใหม่สู้คนสมัยเก่าไม่ได้ แต่ดันไปคิดว่าตัวเองฉลาด เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยาบอกว่า ทั้งพืชพรรณว่านยาก็ถอยรส พืชพรรณในการรักษาน้อยลงเพราะว่าพื้นที่เสื่อม ถ้าต้องการยาที่มีฤทธิ์รักษาจริง ๆ ต้องเข้าป่าลึกไปเลย ซึ่งก็ยากต่อการเดินทาง
สมัยก่อนหัวไร่ชายนามีแต่สมุนไพรเพราะว่าพื้นที่อุดมสมบูรณ์ พื้นที่ภาคกลางปล่อยให้น้ำท่วมทุกปี ถึงเวลาน้ำท่วมมาก็พาปุ๋ยต่าง ๆ มากับสายน้ำด้วย แต่สมัยนี้น้ำไปตามคลองไม่ได้ ถึงได้ท่วม
เดี๋ยวนี้คนใจร้อนใจเร็ว สมุนไพรต้องกินไประยะหนึ่ง สะสมกำลังยาจนได้ที่ถึงจะรักษาโรคหาย สมัยนี้เขาชอบยาฝรั่ง กินปุ๊บรู้เรื่องปั๊บเลย แต่คราวนี้ยาฝรั่งมีพิษตกค้างมาก ยาไทยพิษตกค้างไม่มี ร่างกายขับออกได้ แต่ออกฤทธิ์ช้าเลยไม่ทันใจ
ถาม : สมัยนี้หากะเพราแดงมากินแก้ความดันต่ำไม่ได้แล้ว ?
ตอบ : กะเพราแดงกับน้ำตาลทรายแดงโขลกเข้าด้วยกัน แก้ไอก่อน อย่างอื่นว่ากันทีหลัง ประเภทไอไม่เลิก เด็ดกระเพราแดงมา ๔-๕ ใบใส่น้ำตาลทรายแดงสักช้อนหนึ่ง สมัยนี้เขากินน้ำตาลทรายแดงกันหรือเปล่า ?
น้ำตาลทรายแดงก็คือน้ำตาลอ้อยที่เคี่ยวแบบธรรมชาติ ไม่ผ่านการฟอกสีปรุงแต่ง หน้าตาอาจจะดูไม่ดี แต่สรรพคุณทางยาหรือทางอาหารเหนือกว่าน้ำตาลทรายขาวเยอะมาก สมัยก่อนทุกบ้านจะมีปลูกอ้อยแดงไว้ เผื่อเอาไว้ทำยา ทำอาหาร จะหมักน้ำปลาก็ผ่าอ้อยไปรองก้นโอ่ง บ้านไหนหมักน้ำปลา เดินห่างครึ่งกิโลเมตรก็รู้แล้ว ส่งกลิ่นมาแต่ไกลเลย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-02-2019 เมื่อ 12:02
|