ถาม : ถ้าหากว่าเป็นพระอรหันต์เหมือนกัน แล้วทำไมกำลังไม่เท่ากันละคะ ?
ตอบ : จบปริญญาตรีเหมือนกันแต่ว่าความสามารถของแต่ละสาขาวิชาเหมือนกันไหมเล่า ? ของเราจบอักษรฯ มา ให้ไปผ่าตัดไหวไหม ? ก็ต้องหน้าที่ของคนจบศัลยแพทย์..ใช่ไหม ? ถ้าไม่ใช่..ผ่าเมื่อไรก็ตายเมื่อนั้น เราต้องยอมรับว่าไม่ใช่หน้าที่ของเรา ไม่ใช่งานของเรา แต่ถามว่าเรียนจบไหม ? ก็จบเหมือนกัน
ถาม : ต้องบำเพ็ญมาต่างกันมากไหมคะ ?
ตอบ : คนละอัชฌาสัย คนละแนว พวกวิสัยชอบเรียบ ๆ ไปเรื่อย ๆ เหนื่อยก็หยุด ก็จะไปสายสุกขวิปัสสโก พวกประเภทขี้สงสัยหน่อยก็ไปสายวิชชาสาม พวกไม่สงสัยหน่อยหรอก มีอะไรค้นกระจายเลยก็ไปสายอภิญญาหก ถ้าประเภทค้นยังไม่พอ จับแยกธาตุทำวิจัยอีกต่างหาก ก็ไป ปฏิสัมภิทาญาณแน่ ๆ ขึ้นอยู่กับจริตนิสัยความชอบเฉพาะตัว อย่างเราเองถ้าชอบกินเผ็ด ก็ไม่แน่ว่าเพื่อนเราจะชอบด้วย
ถาม : อย่างนักปฏิบัติที่ถามว่า จะปฏิบัติอย่างไรให้ได้อานิสงส์สูงสุด ?
ตอบ : ปฏิบัติถึงความดับไม่มีเชื้อ อานิสงส์สูงสุดแน่นอน
ถาม : แล้วอย่างนักปฏิบัติทั่วไปเล่าครับ เข้าสมาบัติเป็นฌาน ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌานอย่างนี้ ?
ตอบ : มีผลทั้งนั้น อย่างน้อย ๆ ก็เหนือกว่าปุถุชนทั่วไปหลายเท่า
ถาม : หลวงพ่อคะ หลวงพ่อว่านิโรธสมาบัติ สมถะกับวิปัสสนาต้องไปกัน..?
ตอบ : ไปพอดี ๆ แตะข้างใดหนักเกินไม่ได้ ถ้าหากแตะข้างหนึ่งหนักเกินก็จะกลายเป็นสมถะ แตะข้างหนึ่งหนักเกินก็จะเป็นวิปัสสนา
ถาม : พอดีก็ลงร่อง ?
ตอบ : ทำอย่างไรก็ได้ อย่าให้ใจไปเกาะร่างกาย พวกที่ได้มโนมยิทธิส่วนหนึ่งได้ของนิโรธสมาบัติไปแล้ว เพราะว่าจิตไม่เกาะกับกาย เพียงแต่ว่ายังไม่พอดี
ถาม : ที่หลวงพ่อว่าสมถะในนิโรธสมาบัติ นี่เป็นอรูปฌานหรือเปล่า ?
ตอบ : จะเป็นรูปหรืออรูปก็ได้ แต่ว่าท่านที่ทำได้จะต้องถึงอรูปฌาน ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถใช้กำลังของสมาบัติ ๘ ได้ โดยเฉพาะตัวเนวสัญญานาสัญญายตนะฌาน รู้สึกก็เหมือนไม่รู้สึก มีสัญญาก็เหมือนไม่มี
ถาม-ตอบ ก่อนทำกรรมฐาน ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันอาทิตย์ที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๒
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-12-2013 เมื่อ 11:32
|