ดูแบบคำตอบเดียว
  #12  
เก่า 07-01-2015, 17:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,826 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้คำว่า "พอดี" พระพุทธเจ้าเรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา ของแต่ละคนไม่มีมาตรฐาน แปลว่าไม่มี ๕๐ เปอร์เซ็นต์ให้ขีดเส้นใต้ เพราะว่าขึ้นอยู่กับกำลังใจและบุญบารมีที่เราสร้างสมมา สำหรับเราพอเหมาะพอดีอาจจะนั่งกรรมฐานครึ่งชั่วโมงก็แย่แล้ว เจ็บแข้งเจ็บขาไปหมด แต่อีกคนหนึ่งครึ่งวันนั่งไม่กระดิกเลย นั่นคือพอดีของเขา ในเมื่อตัวมัชฌิมาปฏิปทาของแต่ละคนไม่มีมาตรฐานเดียวกัน ก็ต้องรู้จักสังเกต แล้วพยายามทำของตัวเองให้ถึงตรงจุดนั้นให้ได้

ถามว่าการสังเกต สังเกตแบบไหน ? เอาง่าย ๆ ว่าถ้านั่งกรรมฐานแล้วรู้สึกว่า “พอแล้ว ไม่ไหวแล้ว” อย่าเพิ่งเชื่อ ไอ้ที่บอกว่าพอแล้วไม่ไหวแล้วนั่นกิเลสบอก ให้ลองฝืนต่ออีกนิด ถ้าฝืนแล้วต่อได้ แสดงว่าเมื่อครู่นี้กิเลสบอกแน่นอน แต่ถ้าฝืนแล้วต่อไม่ได้ ก็ประคับประคองรักษาอารมณ์ไว้ ลุกไปทำหน้าที่การงานอื่นของเรา รอจนกระทั่งสภาพจิตของเราเริ่มผ่อนคลายลง ค่อยมานั่งสมาธิต่อ

ฟังดี ๆ นะว่า “ลุกไปทำอย่างอื่นโดยการรักษาอารมณ์เอาไว้” แปลว่าจะ ยืน เดิน นั่ง นอน ดื่ม กิน คิด พูด ทำ อะไรอยู่ก็ตาม ต้องประคองอารมณ์ใจของเราให้ได้เท่ากับตอนที่นั่งปฏิบัติอยู่ เพื่อที่จะได้ใช้ผลของการปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้จริง ๆ เมื่อใช้ผลของการปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้ ตัวตนของเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกรรมฐาน ถ้าถึงเวลานั้นเราจะทรงอารมณ์ใจเมื่อไรก็ทำได้ จะนั่งอย่างเป็นทางการ จะรักษาอารมณ์ในขณะทำการทำงาน กินข้าว เข้าห้องน้ำ อาบน้ำอาบท่า ทำงานประจำวันของเราก็สามารถทรงอารมณ์ปฏิบัติไว้ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นโอกาสที่เราล่วงพ้นกองทุกข์ก็จะมีได้

แต่ถ้าหากว่าต้องรอมานั่งเงียบ ๆ ถึงจะทรงอารมณ์ใจได้ นั่นยังอีกห่างไกลมาก เพราะกิเลสไม่รอให้เรานั่งเงียบ ๆ แล้วค่อยมากินเรา แต่กิเลสกินเราอยู่ตลอดเวลา เราต้องระมัดระวังรักษาสภาพจิตใจของเรา ให้ผ่องใสจากกิเลสให้มากที่สุดในแต่ละวัน ไม่ใช่ว่านั่งกรรมฐานเช้าชั่วโมงหนึ่ง เย็นชั่วโมงหนึ่ง ถ้าเช้าชั่วโมงเย็นชั่วโมง ระหว่างนั้นอีก ๑๐ ชั่วโมงที่เหลือกิเลสกินเราอยู่ แล้วยังมีกลางคืนอีก ๑๒ ชั่วโมงที่กิเลสกินเราอยู่ รวมแล้ว ๒๔ ชั่วโมงเรามีกำไรแค่ ๒ ชั่วโมง ขาดทุน ๒๒ ชั่วโมง โอกาสที่จะร่ำรวยในการปฏิบัติย่อมเป็นไปไม่ได้

ดังนั้น..ทำแล้วอย่าทิ้ง ทำแล้วรักษาเอาให้ได้ ถ้าสามารถรักษาให้ต่อเนื่องยาวนานได้พอ สภาพจิตที่ผ่องใสจากกิเลสมากขึ้น การรู้เห็นต่าง ๆ ก็จะมาเอง แล้วถึงเวลานั้นก็เตรียมตัวให้เขาหลอกได้ รับรองว่าเขาไม่ปล่อยเอาไว้เฉย ๆ แน่..!

ตอนไม่รู้ไม่เห็นออกข้อสอบแล้วไม่สนุก ต้องออกตอนรู้เห็นนั่นแหละ แล้วจะโดนหลอกหัวทิ่มหัวตำยิ่งกว่าเดิม ฉะนั้น..เรื่องของนิมิตต่าง ๆ จึงเป็นเรื่องของนักปฏิบัติที่ต้องระวังไว้ อาตมาโดนหลอกมาจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะโดนหลอกอีกเท่าไร ก็ได้แต่บอกพวกเราเอาไว้ว่า ทำถึงเวลาแล้วจะได้ ได้แล้ว..ถึงเวลาจะไม่อยากได้ เพราะโดนหลอกอยู่เรื่อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-01-2015 เมื่อ 18:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 50 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา