พระมหากัปปินนะเป็นพระมหากษัตริย์ ออกบวชด้วยศรัทธามาก ได้ยินพ่อค้าต่างแดนที่ไปค้าขายในประเทศของตนกล่าวว่า “พุทโธ โลเก อุปปันโน ขณะนี้พระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นแล้วในโลก” ได้ยินแล้วปีติจนสลบไปเลย ฟื้นขึ้นมาถามว่า “พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นแล้วแน่หรือ ?” พ่อค้าตอบว่า “เกิดขึ้นแล้ว แม้แต่พระธรรมก็เกิดขึ้นแล้ว” ได้ยินก็เป็นลมไปอีกรอบหนึ่ง ฟื้นขึ้นมาถามใหม่เพื่อความแน่ใจว่าพระพุทธ พระธรรมเกิดขึ้นในโลกแล้วแน่หรือ ? พ่อค้าตอบว่า “เกิดขึ้นแล้ว แม้แต่พระสงฆ์ก็เกิดขึ้นแล้ว” ได้ยินก็เป็นลมไปอีกรอบหนึ่ง ถ้าทนฟังอีกหน่อยก็เป็นลมแค่รอบเดียว
ในเมื่อปีติยินดีอย่างนั้นแล้วทำอย่างไรต่อละ ? ประกาศบอกบรรดาเสวกามาตย์ทั้งหลายว่า “ข้าพเจ้าขอสละซึ่งราชสมบัติ พวกท่านทั้งหลายจงปกครองไปเถอะ ข้าพเจ้าจะไปบวช” ว่าแล้วก็โดดขึ้นม้าไปแน่บเลย บรรดาอำมาตย์ข้าราชบริพารทั้งหลายก็ประกาศบอกว่า “พระเจ้าแผ่นดินของเราสละราชสมบัติแล้ว ใครคิดจะครองก็จงถือเอา พวกเราก็จะตามเสด็จไปบวช” ว่าแล้วก็ขี่ม้าไล่ตามไปเลย บรรดาเด็กในวังวิ่งไปทูลพระราชินี “พระแม่เจ้า บัดนี้พระเจ้าอยู่หัวและบรรดาข้าราชบริพารหนีไปบวชหมดแล้ว ขอพระแม่เจ้าจงครองราชสมบัติเถอะ” พระราชินีตรัสว่า “ใครจะครองก็จงครองไป แม้เราก็จะไปบวชบ้าง” ว่าแล้วก็ขึ้นม้าไล่ตามไป บรรดานางสนมกำนัลก็ไม่มีใครเอาราชสมบัติ ไปบวชกันหมดเกลี้ยงเลย เป็นอันว่ารัฐบาล คสช.พังกระจาย..!
เมื่อบวชแล้วปฏิบัติไม่นานพระองค์ท่านก็สำเร็จพระอรหันต์ วันนั้นท่านเดินจงกรมพิจารณาธรรมอยู่ในป่า ถามว่าเป็นพระอรหันต์แล้ว ยังต้องพิจารณาธรรมหรือ ? ต้องบอกว่าพิจารณาเพื่อความมั่นใจและอยู่สุข คือให้เห็นชัด ๆ ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ไม่มีแก่นสาร เราไม่ต้องการแน่ ๆ แล้ว พอดีเห็นว่าพระจันทร์เต็มดวง ช่วงคืนพระจันทร์เต็มดวงนี่บางทีเขาเรียกว่า “พระจันทร์ชิงดวง” เพราะว่าพระจันทร์จะขึ้นก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดินสนิท
พระมหากัปปินนะก็รำพึงว่า “วันนี้พระจันทร์เต็มดวง จะต้องลงอุโบสถเพื่อฟังพระปาฏิโมกข์ แต่ว่าเราเป็นพระอรหันต์แล้ว ไม่ต้องไปก็ได้” เพราะว่าพระอรหันต์นี่อย่างไรก็ไม่ทำผิดศีลโดยเจตนาอยู่แล้ว ปรากฏว่าพระพุทธเจ้าทรงทราบความคิด พระองค์ท่านอยู่ที่พระเชตวันมหาวิหาร พระมหากัปปินนะอยู่ในป่าโน่น พระองค์ก็ทรงเปล่งฉัพพรรณรังสีไปปรากฏเฉพาะหน้า เหมือนกับพระองค์ท่านเสด็จไปเอง แล้วตรัสว่า “ดูก่อน..กัปปินนะ ถ้าภิกษุทั้งหลายล้วนแต่คิดแบบเธอ ศาสนานี้จะตั้งอยู่ได้อย่างไร ?” สรุปว่า แม้แต่พระอรหันต์ก็ต้องลงฟังพระปาฏิโมกข์ เพื่อทบทวนศีลของตนเองทุกกึ่งเดือน คือทุก ๑๕ วัน พวกเราเคยทวนศีลตัวเองบ้างหรือเปล่า ?
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2015 เมื่อ 02:36
|