ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 01-01-2015, 20:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,873 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default โอวาทช่วงงานบวชเนกขัมมะ ๕-๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๗

โอวาทช่วงงานบวชเนกขัมมะ ๕-๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๗


วันนี้ใครได้บริจาคเลือดบ้าง ? ...(ยกมือ)... หลายคนเหมือนกันนะ ท่านเหล่านี้ถ้าตั้งใจไปพระนิพพานชาตินี้มีโอกาสแน่ ถ้าตั้งใจจะเป็นพระพุทธเจ้าก็มีโอกาสสำเร็จเหมือนกัน เพราะว่าการให้เลือดนั้นเป็นการบริจาคส่วนหนึ่งของชีวิตเราให้แก่ผู้อื่นเขา ถ้าหากว่าทำโดยไม่กลัวตาย ขอใช้คำว่าไม่กลัวตายนะ เพราะว่าหลายท่านโดนความตายหลอกหลายชั้น จนไม่รู้ว่าตัวเองกลัวตาย

กลัวเลือด..เห็นเลือดไม่ได้ ถ้าเลือดออกมาก ๆ เป็นอย่างไร ? ...ตาย... กลัวเข็ม..ถ้าหากว่าเข็มแทงถูกที่เหมาะ ๆ ...ตาย... อาตมาตามดูคำว่าตายอย่างเดียว ตามดูอยู่เป็นปี ๆ อยากรู้ว่ากลัวอะไรกันแน่ ? ท้ายสุดก็สรุปลงได้ว่า ความกลัวทุกอย่างมาจากการกลัวตาย

นักปฏิบัติที่ดีถ้าไม่กลัวตายเสียอย่างเดียว โอกาสที่จะเข้าถึงมรรคถึงผล หรือว่าสำเร็จในจุดมุ่งหมายที่ตนปรารถนาก็จะมีมาก แล้วอีกอย่างหนึ่ง เราเองก็ตั้งใจบริจาคโลหิตเพื่อถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ถือว่าเป็นการแสดงกตเวทีแก่พระองค์ท่าน ๖๐ กว่าปีที่พระองค์ท่านทรงงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน ไม่ทราบว่าเสียเหงื่อไปเท่าไร ของพวกเราตอบแทนด้วยเลือด ๓๐๐ ซีซี แม้ว่าจะทดแทนกันไม่ได้ก็เถอะ แต่ว่าให้ทำเข้าไว้

บุคคลตลอดถึงเทวดาและสัตว์ทั้งหลายจะสิ้นชีวิตต่อเมื่อ ๑. อายุขัย คืออายุสิ้นสุดลง ๒. อาหารขัย หมดอาหารหรืออาหารสิ้นสุดลง ๓. ปุญญขัย สิ้นบุญหรือบุญหมด ๔. กัมมขัย คือสิ้นกรรม ถ้าถามว่าสิ้นบุญแล้วตายพอเข้าใจ แล้วสิ้นกรรมแล้วตายนี่เป็นอย่างไร ? ถ้ากรรมไม่สิ้นอย่างไรก็ตายไม่ได้

มีลูกศิษย์พระสารีบุตรอยู่ท่านหนึ่ง สามารถที่จะกินข้าวได้ไม่เกินวันละ ๗ เม็ดข้าวสุกเท่านั้น มีสภาพเหมือนกับเปรตหรืออสุรกาย ถึงเวลาก็ตะเกียกตะกายไปตามบ้านเขา ให้หิวไส้ขาดขนาดไหนก็ตาม ก็ต้องไปหาเศษอาหารที่เขาล้างภาชนะแล้วสาดทิ้งเอาไว้ จะเก็บเมล็ดข้าวกินได้ไม่เกิน ๗ เม็ดเท่านั้น ต่อให้มีมากกว่านั้นก็ไม่สามารถที่จะกินได้เพราะถ้าครบ ๗ เม็ดเมื่อไรอาหารเหล่านั้นจะหายไปหมดทันที

ปรากฏว่าต้องทนลำบากอยู่อย่างนี้ ๒๐ กว่าปี จนกระทั่งพระสารีบุตรไปพบเข้า จึงชวนมาบวช เมื่อบวชแล้วท่านเองเห็นทุกข์เห็นโทษจึงตัดสินใจว่า ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาทุกข์อย่างนี้ไม่มีสำหรับเราอีก ท่านก็เลยบรรลุอรหันต์ในวันนั้น เพราะพระสารีบุตรบอกว่า “อาวุโส..เธอจงอยู่ปฏิบัติธรรมเถอะ เราจะบิณฑบาตมาเลี้ยงเอง” เพราะไปก็ไม่มีประโยชน์ ได้มาก็ไม่เกิน ๗ เม็ด ปรากฏว่าเมื่อพระสารีบุตรเอาอาหารมาให้ อาหารเต็มบาตรเลย แต่ท่านมองไม่เห็นเพราะกรรมบังอยู่ พระสารีบุตรต้องเอามือจับบาตรไว้ท่านถึงเห็น กินอาหารได้เต็มท้องมื้อเดียวในชีวิต แล้วก็เป็นพระอรหันต์วันนั้น ตายวันนั้น นี่คือไม่หมดกรรมอย่างไรก็ต้องอยู่ชดใช้กรรม..จะตายไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2015 เมื่อ 03:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 84 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา