พราหมณ์ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกสะเทือนใจว่า แม้คำปราศรัยเล็ก ๆ น้อย ๆ พระเถรเจ้ายังสรรเสริญ
จึงสั่งให้คนในบ้านจัดอาหารถวายและนิมนต์ให้พระโรณะมารับบาตรที่บ้านทุกวัน เมื่อได้พิจารณาเห็นอาการอันสงบและเปี่ยมด้วยเมตตาของพระเถรเจ้า
ก็ยิ่งบังเกิดความเลื่อมใส พราหมณ์จึงได้นิมนต์ให้พระโรหณะฉันอาหารในเรือนของตนอยู่เป็นประจำ
ในเวลาต่อมา ภรรยาของพราหมณ์คลอดบุตรซึ่งได้แก่มหาเสนเทพบุตรจุติลงมา พราหมณ์ให้ชื่อบุตรว่า นาคเสน
ซึ่งเมื่อมีอายุ ๗ ขวบ นาคเสนกุมารได้เล่าเรียนศิลปวิทยาของศาสนาพราหมณ์จนแตกฉานจบสิ้น จึงปรารภถึงความไม่ไม่มีแก่นสารของสิ่งที่ตนได้เล่าเรียน
ขณะนั้น พระโรหณะทราบถึงความคิดคำนึงของนาคเสนกุมารจึงมาปรากฏกายที่หน้าบ้านพราหมณ์
นาคเสนกุมารแลเห็นพระเถรเจ้านุ่งห่มแปลกตา จึงคิดว่าบรรพชิตรูปนี้อาจรู้วิชาที่เป็นแก่นสาร จึงเดินเข้าหาแล้วถามว่า
ท่านเป็นอะไร เหตุใดจึงโกนศีรษะและนุ่งห่มผ้าย้อมฝาดเช่นนี้
พระโรหณะตอบว่า เราเป็นบรรพชิต
น. บรรพชิตเป็นอย่างไร เป็นบรรพชิตเพราะประสงค์อะไร
ร. บรรพชิตคือผู้ปลีกตนออกจากกิจการที่เป็นโลกียะเพื่อขัดเกลาจิตใจให้ปราศจากมลทิน
น. เหตุใดท่านจึงต้องโกนผม
ร. เพราะเราเห็นเป็นเครื่องที่ทำให้ต้องหมกมุ่นกังวล เช่น ต้องกังวลหาเครื่องประดับ ตกแต่งให้เข้ารูป ทาด้วยของหอม สระล้าง หวี สาง รัด เกล้า
และเมื่อผมร่วงบาง เจ้าของย่อมเสียดาย ดูก่อนเด็กน้อย บุคคลใดยังหมกมุ่นกังวลอยู่ในกิจเหล่านี้ย่อมมิสามารถทำสิ่งซึ่งสุขุมให้แจ้งได้
น. เหตุใดท่านจึงนุ่งห่มไม่เหมือนผู้อื่น
ร. เพราะเหตุที่ผ้าโดยทั่วไปเป็นที่อิงอาศัยของกิเลสกามเป็นเครื่องหมายของคฤหัสถ์ ผ้านุ่งห่มของเราจึงไม่เหมือนคนอื่น
นาคเสนกุมารได้ยินดังนั้น ก็เกิดความเลื่อมใสว่าบรรพชิตรูปนี้อาจรู้แจ้งในวิชาที่มีแก่นสาร จึงขออนุญาตบิดามารดาออกบวช
เมื่อได้รับอนุญาต พระโรหณะจึงพานาคเสนกุมารไปยังรักขิตคูหาและบวชนาคเสนกุมารท่ามกลางพระอรหันต์ทั้งหลายที่อาศัยอยู่บริเวณเขาแห่งนั้น
เมื่อได้บวชแล้ว พระโรหณะพิจารณาว่าสามเณรเป็นผู้มีปัญญา จึงให้เล่าเรียนพระอภิธรรมก่อน
ซึ่งสามเณรนาคเสนก็สามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว เมื่ออายุครบ ๒๐ ปี สามเณรนาคเสนได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ
วันรุ่งขึ้นหลังจากอุปสมบท พระนาคเสนเข้าแสดงความเคารพพระโรหณะซึ่งเป็นอุปัชฌาย์ พลางคิดในใจว่าพระโรหณะคงไม่ใช่อาจารย์ที่สามารถ
เพราะแนะนำให้ตนเรียนพระอภิธรรมก่อนพุทธพจน์หมวดอื่น ผิดกับขั้นตอนการเรียนพระธรรมโดยทั่วไป
พระโรหณะทราบความคิดพระนาคเสนด้วยเจโตปริยญาณ จึงกล่าวว่า
นาคเสน ท่านคิดอย่างนั้นไม่สมควร
พระนาคเสนรู้สึกอัศจรรย์ใจและได้ตระหนักถึงปรีชาญาณของพระโรหณะ จึงกราบขอขมาโทษพระอุปัชฌาย์ของตน
ซึ่งพระโรหณะกล่าวว่า จะเว้นโทษให้ก็ต่อเมื่อพระนาคเสนสามารถวิสัชนาปัญหาพระเจ้ามิลินท์ให้มิจฉาทิฏฐิทั้งหลายหายสูญ
เพื่อพระพุทธศาสนาจะได้รุ่งเรืองสืบไป พระนาคเสนกล่าวรับภารกิจดังกล่าว
จากนั้น พระโรหณะได้แนะนำให้พระนาคเสนเดินทางไปเล่าเรียนพระธรรมวินัยเพิ่มเติมกับพระอัสคุตตเถระ จนพระนาคเสนบรรลุโสดาบัน
พระอัสคุตตเถระได้แนะนำให้พระนาคเสนไปเรียนต่อกับพระธรรมรักขิตเถระจนบรรลุอรหัตตผล
จากนั้นพระนาคเสนได้เดินทางไปยังเมืองสาคละของพระเจ้ามิลินท์ โดยได้พำนักอยู่ ณ สังเขยบริเวณเพื่อเผยแพร่พระธรรม.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ป้านุช : 25-06-2009 เมื่อ 16:26
|