เมื่อเราทราบดังนี้ ก็ต้องวางกำลังใจในลักษณะเป็นคนใจเย็น ค่อย ๆ ทำ ค่อย ๆ สั่งสมไปเรื่อย ทีละเล็กทีละน้อย ลักษณะเดียวกับคนทิเบต คนทิเบตท่องคาถาคำหนึ่ง เขาก็มั่นใจว่าเขาก้าวเข้าไปใกล้พระนิพพานก้าวหนึ่ง หมุนกงล้อมนต์รอบหนึ่งเขาก็เข้าใกล้พระนิพพานไปก้าวหนึ่ง นับลูกประคำเม็ดหนึ่ง เขาก็เข้าใกล้พระนิพพานไปก้าวหนึ่ง กราบพระครั้งหนึ่ง เขาก็เข้าใกล้พระนิพพานไปก้าวหนึ่ง นั่นคือลักษณะของบุคคลที่พากเพียรและอดทน
ค่อย ๆ ทำไป ถ้าเรามองไปยังเป้าหมายเบื้องหน้า จุดหมายปลายทางอาจจะไกลจนเราท้อถอยเสียก่อน ก็ให้เรามองย้อนหลังไปว่า ขณะที่เราให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนามาจนถึงปัจจุบันนี้แล้ว บุคคลที่ภาวนาไม่ได้ยังมีอีกมากตั้งเท่าไร ? บุคคลที่รักษาศีลไม่ได้มีมากอีกเท่าไร ? บุคคลที่ไม่สามารถให้ทั้งทาน รักษาทั้งศีล และเจริญภาวนามีมากตั้งเท่าไร ?
ถ้ามองลักษณะอย่างนี้เราจะเกิดกำลัง เหมือนกับว่าตอนนี้เราอาจจะขี่ม้าอยู่ แล้วเราก็ไปอิจฉาว่า คนนั้นมีรถเก๋งขี่ คนนั้นยิ่งหนักใหญ่มีเครื่องบินส่วนตัว ถ้ามองอย่างนี้เราจะหมดกำลังใจ แต่ถ้าเรามองไปข้างหลังว่าเรามีม้าขี่ คนที่ใช้พาหนะแย่กว่าเราอย่างเช่น ขี่ลาก็มี เดินเท้าเปล่าก็มี และที่แย่ที่สุดก็คือ ยังไม่ได้ลงมือเดินเลยก็มี
ถ้าเป็นอย่างนั้นเราจะเกิดกำลังใจว่า อย่างน้อย ๆ การกระทำของเราก็ยังมีผลงานอยู่ ให้พากเพียร ให้อดทน ขอให้รู้ว่าในปัจจุบันนี้ บารมีทั้งสิบนั้นเราขาดขันติบารมี คือความอดทน เราขาดวิริยบารมี คือความพากเพียร และขาดปัญญาบารมี คือการพิจารณาให้รู้แจ้งเห็นจริง ทั้งสามสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราต้องเพียรพยายามประกอบให้มาก ใช้ความอดทนให้มาก เพื่อที่จะได้ประสบความสำเร็จตามที่เรามุ่งหวัง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 07-05-2011 เมื่อ 09:08
|