เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๔
ทุกคนขยับนั่งในท่าสบายของตัว หายใจเข้าออกยาว ๆ สักสองสามครั้ง ระบายลมหยาบออกให้หมดก่อน แล้วหลังจากนั้นก็ปล่อยให้หายใจปกติตามที่ร่างกายต้องการ เพียงแต่กำหนดความรู้สึกตามเข้าไปด้วย
เมื่อหายใจเข้า ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก กำหนดความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะกำหนดภาพพระหรือคำภาวนาอย่างไรก็ได้ตามที่เราชอบใจ
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๓๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๔ เป็นการปฏิบัติธรรมวันที่สองในเดือนพฤษภาคมนี้ เมื่อครู่นี้ที่ได้กล่าวก่อนปฏิบัติกรรมฐานว่า ในเรื่องของการปฏิบัตินั้น ส่วนใหญ่แล้วพวกเราใจร้อนใจเร็ว ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จตามที่ควร ตรงนี้เป็นจุดอ่อนใหญ่สำหรับนักปฏิบัติรุ่นใหม่ทั้งหมด
ทำแล้วจะให้ได้ผลเลย เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เหมือนกับคนที่หัดเขียนหนังสือ หรือหัดพิมพ์ดีดใหม่ ๆ เมื่อเราเคาะเป็นตัวหนังสือขึ้นมายังไม่สามารถจะอ่านได้ หรือเขียนเป็นตัวหนังสือขึ้นมายังไม่สามารถจะอ่านได้ เราก็ต้องซ้อมเขียนอักขระ ซ้อมเขียนสระ ซ้อมเขียนวรรณยุกต์ จนมีความคล่องตัว จำได้แม่นแล้วจึงหัดผสมคำ จึงจะเกิดความหมายขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อย
จนกระทั่งเมื่อมีความคล่องตัวมาก ๆ ก็สามารถที่จะเขียนประโยคยาว ๆ ได้ภายในระยะเวลาอันสั้น หลักการปฏิบัติก็เป็นไปในแนวเดียวกัน คือเราจะใจร้อนไม่ได้ ต้องมีความอดทน มีความพากเพียรพยายาม ซึ่งเด็กรุ่นใหม่จะขาดสองสิ่งนี้เป็นอย่างมาก คือ ขาดในขันติบารมีและวิริยบารมี อะไรที่ได้ช้าก็มักจะเลิกทำไปเลย เพราะไม่มีความอดทน ไม่มีความพากเพียรเพียงพอ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 07-05-2011 เมื่อ 09:06
|