ดูแบบคำตอบเดียว
  #51  
เก่า 10-02-2011, 10:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,743 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนเด็ก ๆ ผมทำกสิณไฟ ตอนนั้นยังทำไม่เป็น ก็จุดเทียนตั้งไว้ข้างหน้าในห้อง ทีนี้อยู่ดี ๆ ก็วูบไปครับ แล้วมือไหม้ พอตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นแผลเหวอะอย่างที่เห็น ไม่ทราบว่าอารมณ์นั้นเป็นอารมณ์เซ่อหรือครับ ?
ตอบ : ไม่มีอะไรหรอก พอจิตเราทรงฌาน สภาพร่างกายกับจิตจะแยกกันเป็นคนละส่วน อะไรที่เกิดกับร่างกายจิตจะไม่รับรู้ หรือว่าถึงรับรู้แต่ก็ไม่สนใจ อาตมาเองก็เคยทำน้ำมนต์จนไฟไหม้ถึงนิ้วมือ แต่ไม่เป็นอะไรเพราะสมาธิคุ้มไว้ได้

ถาม : ผมพยายามตัดใจเรื่องกสิณไฟมาหลายรอบแล้วครับ แต่ตัดไม่ขาด
ตอบ : ก็ฝึกสิ..ทำให้ได้เป็นเรื่องได้ราวไปเลย พอเราทำกสิณกองหนึ่งได้ กสิณอีกเก้ากองก็จะกลายเป็นของง่าย เพราะอารมณ์ใจเท่ากัน เพียงแต่เปลี่ยนวัสดุนิดเดียวเท่านั้น ถ้ากสิณกองแรกคุณทำได้คล่องตัวจริง ๆ ที่เหลืออีกเก้ากอง คิดว่าอย่างช้าไม่เกินครึ่งเดือนก็ได้หมดแล้ว

ถาม : ผมทำคาถาเงินล้าน มีครั้งหนึ่งผมไปถ่ายน้ำมันเครื่อง ปกติราคา ๑๐๐ - ๓๐๐ บาท วันนั้นผมไปถ่ายน้ำมันเครื่องเขาคิด ๒๐ บาท ถือว่าเป็นผลของคาถาไหมครับ ?
ตอบ : ถือว่าเป็นผลอย่างหนึ่ง อาตมาเองก็นั่งรถฟรีมาเยอะแล้ว แปลกถึงขนาดที่แท็กซี่ยังให้นั่งฟรี นั่งจากรถทัวร์จากอุทัยธานีมาหมอชิตเก่า นั่งแท็กซี่ไปทำธุระในกรุงเทพฯ ต่อ จนกระทั่งกลับไปถึงวัดท่าซุง เสียค่ารถตั้ง ๓ บาท..!

๓ บาทนี่เป็นเงินที่ยัดให้สองแถวที่ท่ารถมโนรมย์ เขาไม่ยอมเก็บเงิน อาตมาบอกว่า "ช่วยเก็บหน่อยเถอะพ่อคุณ อยากจ่ายว่ะ..!" แล้วก็ยัดเงินให้เขา เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าเราไม่ได้จ่ายเลย เรื่องของคาถาให้ความคล่องตัวได้ขนาดนั้น แต่ที่อัศจรรย์ก็คือ มีพระนั่งรถทัวร์ไปด้วยกันอยู่ ๔ รูป เขาเก็บค่ารถไป ๓ รูป พออาตมาส่งเงินให้เขากลับเดินหนี ไม่ยอมรับ เป็นเรื่องแปลกมาก จนกระทั่งพระ ๓ รูปท่านสงสัยว่า อาตมารู้จักกับกระเป๋ารถหรือเปล่า ? เขาจึงไม่เก็บ สมัยนั้นเขายังให้ไปตีตั๋วบนรถได้ ไม่ต้องซื้อจากห้องตั๋วเหมือนกับสมัยนี้

ถาม : ตอนผมบวชที่วัดอัมพวัน ผมนอนภาวนาอยู่ที่กุฏิ ภาวนาคาถาเมตตา ทีนี้พอนอนไปรู้สึกตัวหมุน แต่ไม่ทราบตัวจริงหมุนหรือเปล่า ? ผมก็เลยรีบออกมา
ตอบ : เขาเรียกว่ากลัวดี..! การหมุนมีอยู่สองอย่าง อาจจะเป็นปีติในลักษณะของโอกกันติกาปีติ อีกอย่างหนึ่งหมุนในลักษณะที่จิตควบแน่นเข้า..ควบแน่นเข้า สภาพร่างกายอาจจะมีการหายใจเร็วขึ้น หัวใจเต้นเร็วขึ้น ลักษณะอย่างนั้นจิตจะดิ้นหลุดออกจากร่างกายไปแบบมโนมยิทธิเต็มกำลัง ถ้าหลุดออกไป เราจะนึกไปนรกสวรรค์อย่างไรก็ไปได้เลย..ไปทำใหม่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-02-2011 เมื่อ 14:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา